29 มี.ค.56 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจ "สายตรงภาคสนาม" สำนักข่าวออนไลน์ที่มีชื่อเสียง ได้เปิดเผยถึงเบื้องหลังที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ที่ระบุว่า "หากมีการลงทุนรถไฟความเร็วสูงแล้วจะกระจายความเจริญและยกระดับคุณภาพชีวิตให้ประชาชนมีความสะดวกมากขึ้น จะมีการเชื่อมโยงจากกรุงเทพไปยังเมืองใหญ่ในชนบท เพื่อช่วยให้การขนส่งวัตถุดิบจากต้นน้ำไปยังปลายน้ำทำได้รวดเร็วขึ้น ถ้าเป็นอาหาร ก็จะสดขึ้น ลดการสูญเสีย เป็นการลดต้นทุนของเกษตรกร ผู้บริโภคได้รับอาหารที่สดขึ้นและราคาเป็นธรรม รวมทั้งเป็นการลดต้นทุนอุตสาหกรรมการเกษตรด้วย"
ซึ่งเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์ ถึงวุฒิภาวะและสติปัญญาของนายกฯ ซึ่งทางเพจ "สายตรงภาคสนาม" ได้ระบุว่า เบื้องหลังคำพูดดังกล่าวของนายกรัฐมนตรี มาจากคำให้สัมภาษณ์ของ นายวิป วิญญรัตน์ บุตรชาย นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ที่ให้สัมภาษณ์กับ "มติชนออนไลน์" เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2556 โดย นายวิป ระบุว่า ต้องการให้รถไฟความเร็วสูงมีศักยภาพในการขนผู้โดยสารและขนสินค้า โดยเฉพาะสินค้าเกษตร ซึ่งรายละเลียดในเพจสายตรงภาคสนาม มีดังต่อไปนี้
"ที่แท้ ลูก พันศักดิ์ ต้นตอ ยิ่งลักษณ์โชว์โง่
ใช้รถไฟความเร็วสูงเงินกู้ 2 ล้านล้าน บนผักสดกันผักเน่า !
หลังจากที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์คำแถลงถึงเหตุผลความจำเป็นต้องกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ทำให้คนไทยแบกหนี้ 5.16 ล้านล้านบาท ยาวนานถึง 50 ปี ว่า เพื่อให้คนไทยได้กินผักสดจากการขนส่งผ่านรถไฟความเร็วสูงในระหว่างการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทในสภาวานนี้ (28 มี.ค.56)
เมื่อตรวจสอบความคิดเกี่ยวกับการใช้รถไฟความเร็วสูงขนผัก พบว่าไม่ได้เป็นเรื่องเลื่อนลอย เพราะในวันที่26 มีนาคม 2556 ก่อนการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทเพียง 2 วัน มติชนออนไลน์ ได้เผยแพร่บทสัมภาษณ์นายวิป วิญญรัตน์ บุตรชายของนายพันธุ์ศักดิ์ วิญญรัตน์ ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีด้านนโยบายเศรษฐกิจ มีเนื้อหาเกี่ยวกับการทำงานในฐานะเป็นคณะทำงานประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฯ หรืออีกนัยหนึ่งคือเป็นคณะทำงานของพ่อตัวเอง และการรับงานใหญ่คือการจัดนิทรรศการไทยแลนด์ 2020ทั้งที่ไม่มีความเชี่ยวชาญด้านวิศวรรม หรือรถไฟความเร็วสูง แต่จบปริญญาตรีด้านปรัชญา ปริญญาโทด้านประวัติศาสตร์ ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่าต้องมาเรียนรู้ใหม่ทั้งหมด
ที่น่าสนใจคือตอนหนึ่งของการสัมภาษณ์ครั้งนี้ นายวิป ยังพูดพึงการใช้รถไฟความเร็วสูงเพื่อขนผักด้วย
ถ้าจินตนาการง่ายๆ อย่างทุกวันนี้เดินทางจากกรุงเทพฯ ไป เชียงใหม่ขับรถ 10 ชั่วโมง นั่งรถโดยสาร 10ชั่วโมง นั่งรถไฟไม่ต่ำกว่า 12 ชั่วโมง นั่งเครื่องบิน 1 ชั่วโมงไม่รวมเวลาเดินทางไปสนามบิน ขณะที่รถไฟความเร็วสูง ถ้าเป็นไปตามสเปคก็ 3 ชั่วโมงครึ่ง ผมคิดว่า นี่คือความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน ไม่ต้องขับรถเอง ไม่ต้องนั่งรถบัส ไม่ต้องขึ้นเครื่องบิน หรือนั่งรถไฟ ชีวิตก็จะง่ายขึ้น สะดวกขึ้น
อันนี้ ยังไม่รวมการขนส่งสินค้า ด้วยรถไฟความเร็วสูง ขนผักจากเชียงใหม่ ลงมากรุงเทพฯ ถึงศูนย์กระจายสินค้าภายในกรุงเทพได้ภายใน 3 ชั่วโมงครึ่ง ที่ผ่านมาใช้ นิ่มซี่เส็ง (บริษัท นิ่มซี่เส็งขนส่ง 1988 จำกัด) ก็10 ชั่วโมง ถ้าใช้เวลาลดลงแล้วต้นทุน การขนส่งอาจจะลดลง หรือว่าจะเพิ่มขึ้น
ได้ไปลงพื้นที่มาเยอะเหมือนกัน เริ่มต้นจาก รถไฟความเร็วสูง ปกติขนคน แต่ตอนนี้ รัฐบาลมีไอเดียว่า พยายามให้มีการขนของไปด้วย ซึ่งมันมี demand (ความต้องการ) การขนส่งขนของพวกของที่ไม่ใช่มากันใหญ่ๆ แต่เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย อย่างพวกพัสดุไปรษณีย์ทั้งหลาย ซึ่งมี demand (ความต้องการ) สูงในไทยตอนนี้ ขนผ่านรถไฟความเร็วสูง
พอได้โจทย์นี้ ผมก็ไปดูว่า เมืองไทยขนผักกันมายังไง แล้วก็ไปดู พวกตลาดขายส่ง 2 ตลาด คือ ดูที่ตลาดไทย และ ตลาดศรีเมือง จังหวัดราชบุรี ก็ไปเห็นความจริงอย่างหนึ่งว่า ทุกวันนี้ เวลาเราขนผัก เราไม่ได้ขนผัก แต่เราขนขยะ เกิดสิ่งที่เรียกว่า Post-harvest loss (ความเสียหายหลังเก็บเกี่ยว) เกิดขึ้นมากเช่น กะหล่ำปลี 1 ลูก ขนจากหน้าสวน มาที่ตลาดไทยในรถบรรทุก เพื่อให้ต้นทุนต่อหน่วนราคาถูก อัดเข้าไปเยอะๆ ขนถมกันขึ้นไปแล้วใช้ผ้าใบปิด สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ผักมันจะคายน้ำ และมีแรงสั่นสะเทือน พอถึงที่หมาย เปลือกนอกมันจะเน่า ก็ต้องมาลอกทิ้ง กะหล่ำปลีก็หดลง พอขนส่งอีก เพราะผ่านพ่อค้าหลายมือมาก เปลี่ยนที่ไป-มา ก็นั่งลอกกันจากกะหล่ำปลีหัวใหญ่ก็หดเล็กลง
ผมเพิ่งรู้ว่าประเทศไทย ซึ่งการบริโภคผักสดผลไม้มหาศาลมาก เรามีกระบวนการขนส่ง ผัก ซึ่ง ห่วยสุดๆ ห่วยแตกสุดๆ Post-harvest loss (ความเสียหายหลังเก็บเกี่ยว) 17-35 เปอร์เซนต์ของ จีดีพี อันนี้ มหาศาลมาก หมายความว่าเป็นเงินหลายล้านต่อปี ทุกวันนี้ประเทศไทย ไม่ใช่เพียง เกษตรกรพ่อค้าคนกลาง หรือผู้บริโภคปลายน้ำ แต่ทุกคนเสียตังค์ ไปกับการขนขยะจากที่โน้นไปที่นี่ ที่นั่น มหาศาลมาก
นี่เป็นเกร็ดอันหนึ่งในประเทศไทย ตรงนี้ น่าจะเป็นคีย์ ในการยกระดับสินค้าเกษตรในเมืองไทย ที่ดี ซึ่ง ผมรู้สึกว่ายังไม่มีใครสนใจ
@ รถไฟความเร็วสูง จะตอบโจทย์ปัญหาการขนผัก
รถไฟความเร็วสูง จะไม่ได้แก้ปัญหาทันที แต่อาจจะมาตอบโจทย์ทำให้การขนผักบางชนิดที่ขนโดยรถไฟความเร็วสูงแล้วคุ้มค่า มันทำได้ดีขึ้น แต่สุดท้ายแล้วนี่เป็นปัญหาจัดการ ให้ Post-harvest loss (ความเสียหายหลังเก็บเกี่ยว) มันมีคุณภาพมากขึ้น
ลิงค์คำสัมภาษณ์วิป มติชน http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1364210310&grpid&catid=03&subcatid=0305
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี