วันพฤหัสบดี ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / การเมือง
4 พันชื่อในหมายจับป่วนใต้อาจเป็น "ผู้ก่อการร้าย" ตาม ก.ม.ฟอกเงินฉบับใหม่!

4 พันชื่อในหมายจับป่วนใต้อาจเป็น "ผู้ก่อการร้าย" ตาม ก.ม.ฟอกเงินฉบับใหม่!

วันพฤหัสบดี ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2556, 09.28 น.
Tag :
  •  

18 เม.ย.56 สำนักข่าวอิศรา ได้นำเสนอรายงานพิเศษเรื่อง 4 พันชื่อในหมายจับป่วนใต้อาจเป็น "ผู้ก่อการร้าย" ตาม ก.ม.ฟอกเงินฉบับใหม่! โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้

กฎหมายฟอกเงินฉบับใหม่ที่ประเทศไทยเร่งตราขึ้นเพราะเจอแรงกดดันจากต่างประเทศ กำลังทำให้ผู้ต้องหาคดีความมั่นคงในจังหวัดชายแดนภาคใต้มีโอกาสถูกขึ้นบัญชีเป็น "ผู้ก่อการร้าย"


กฎหมายฟอกเงินฉบับใหม่ที่ว่านี้คือ พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย พ.ศ.2556 ที่เพิ่งประกาศใช้เมื่อต้นเดือน ก.พ.ที่ผ่านมานี้เอง

          ปีที่แล้ว ประเทศไทยถูกคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อดำเนินมาตรการทางการเงินเกี่ยวกับการฟอกเงิน (Financial Action Task Force หรือ FATF) ขึ้นบัญชีเป็นประเทศที่มีข้อบกพร่องเชิงยุทธศาสตร์ด้านการป้องกันปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย

          ผลของการถูกขึ้นบัญชีที่เรียกว่า Dark Gray List แม้จะยังไม่ถึงขั้น Black List หรือ Super Black List ซึ่งเป็นดีกรีสูงสุดที่องค์กรดังกล่าวจัดลำดับไว้ และต้องถูกนานาประเทศคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ แต่ช่วงนั้นก็เริ่มมีเสียงโวยจากนักธุรกิจไทยที่ไปลงทุนและทำการค้าในต่างประเทศแล้วว่า ทำธุรกรรมทางการเงินยากขึ้น โดยเฉพาะการขอกู้กับสถาบันการเงินในยุโรปและอเมริกา

          และนั่นคือที่มาของการเร่งผลักดันกฎหมายฟอกเงินฉบับใหม่ 2 ฉบับ ได้แก่ พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2556 และพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย พ.ศ.2556

          ในส่วนของพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฯ แม้จะมีการเพิ่มมูลฐานความผิดที่เป็นการฟอกเงินอีก 12 มูลฐานความผิด จากเดิมมีอยู่แล้ว 11 มูลฐานความผิด รวมเป็น 23 มูลฐานความผิดก็ตาม แต่นั่นก็เป็นผลที่จะเกิดเป็นการทั่วไปกับผู้ที่กระทำการเข้าข่ายมูลฐานความผิดดังกล่าวทั่วประเทศ

          แต่สำหรับพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายฯนั้น จะส่งผลโดยตรงต่อผู้คนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างแน่นอน เพราะน่าจะเป็นพื้นที่ที่มีผู้ถูกดำเนินคดีในข้อหา "ก่อการร้าย" (ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา ลักษณะความผิดเกี่ยวกับก่อการร้าย) มากที่สุดในประเทศไทย ในนามของ "คดีความมั่นคง" ที่สืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้

4 พันหมายจับคดีความมั่นคงจ่อขึ้นลิสต์

          พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการ ปปง.ซึ่งเพิ่งเชิญหน่วยงานรัฐ 135 หน่วยงานร่วมประชุมเพื่อประกาศยุทธศาสตร์บูรณาการกฎหมายฟอกเงินกับกฎหมายต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย เล่าให้ฟังว่า เมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้แล้ว โดยเฉพาะพระราชบัญญัติต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายฯ ปปง.ก็จำเป็นต้องเร่งดำเนินการตามกฎหมาย คือ ประกาศรายชื่อ "บุคคลที่ถูกกำหนด" หรือ "แซงชั่นลิสต์"โดยจะมี 2 ลักษณะคือ

          1.แซงชั่นลิสต์ตามที่องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ได้ประกาศเอาไว้ ในส่วนนี้ ปปง.จะนำรายชื่อที่ยูเอ็นประกาศรายชื่อผู้ก่อการร้ายไว้อยู่แล้ว เสนอให้ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ลงนาม จากนั้นจะประกาศในเว็บไซต์ของ ปปง.พร้อมทั้งส่งข้อมูลทั้งหมดให้ภาคเอกชนได้รับทราบ

          2.แซงชั่นลิสต์ที่เป็นของประเทศไทยเอง มี 2 ส่วน คือ 
          - รายชื่อผู้ก่อการร้ายต่างประเทศที่ไทยนำมาประกาศเป็นผู้ก่อการร้ายตามกฎหมายไทย  
          - รายชื่อผู้ก่อการร้ายที่เป็นคนไทย แยกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มคนไทยที่มีรายชื่อในบัญชีก่อการร้ายของประเทศอื่น และกลุ่มคนไทยที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้

          "กลุ่มหลังที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในภาคใต้จะเป็นกลุ่มที่มีรายชื่อตามหมายจับทั้งหมด 4 พันกว่าคน โดยล็อตแรก ปปง.จะส่งรายชื่อให้อัยการพิจารณาในวันที่ 19 เม.ย.นี้ โดยอัยการจะยื่นรายชื่อต่อศาลแพ่งให้มีคำสั่งประกาศรายชื่อเป็นกลุ่มเกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย แต่หากบุคคลที่มีรายชื่อไม่ได้เกี่ยวข้อง ก็สามารถยื่นหลักฐานเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ต่อศาลแพ่งได้ เพื่อให้ศาลมีคำสั่งปลดรายชื่อออกไป" เลขาธิการ ปปง.ระบุ

ห้ามทำธุรกรรมทุกประเภท-ฝ่าฝืนเจอคุก

          พ.ต.อ.สีหนาท กล่าวต่อว่า จะค่อยๆ ทยอยยื่นรายชื่อให้ศาลพิจารณา โดยจะประกาศออกมาคราวละ 5-20 คน แต่ระลอกแรกที่ประกาศคือประมาณ 100 คน จะประกาศหลังสงกรานต์นี้

          "มีบุคคลหลายกลุ่มที่เกี่ยวข้อง เช่น มาในคราบนักธรุกิจ พ่อค้า ส่วนจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับขั้นตอนการพิจารณาของศาล ขณะนี้มีหลายพันคนที่ ปปง.จะต้องประกาศให้ชัดเจน และผลคือบุคคลเหล่านี้จะต้องถูกแบนหรือต้องห้ามทำธุรกรรม โดยบัญชีทุกประเภทจะต้องถูกห้ามทั้งหมด ใครทำธุรกรรมหรือให้เงินสนับสนุนก็มีโทษจำคุกทั้งหมด"

          พ.ต.อ.สีหนาท กล่าวอีกว่า สำหรับผู้ฝ่าฝืนทำธุรกรรมทางการเงินกับผู้ที่มีรายชื่อตามประกาศ จะมีโทษปรับ 1 ล้านบาท และปรับอีก 1 หมื่นบาททุกวันจนกว่าจะมีการแก้ไข และบุคคลที่ทำธุรกรรมกับผู้ก่อการร้ายตามประกาศจะมีโทษจำคุก 3 ปี ตามมาตรา 16 ใครจะว่าก็คงไม่ได้เพราะทั่วโลกได้ปฏิบัติเช่นเดียวกัน

เชื่อไม่โหมไฟใต้-ไม่กระทบพูดคุยสันติภาพ

          สำหรับผู้ที่อยู่ในข่ายถูกประกาศรายชื่อเป็นผู้ก่อการร้ายในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น พ.ต.อ.สีหนาท บอกว่า ไม่ได้มีการแบ่งแยกหรือแบ่งกลุ่ม แต่จะรวมกันทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นผู้ก่อเหตุรุนแรงหรือผู้สนับสนุนทางการเงิน

          "ยืนยันว่าการประกาศรายชื่อผู้ก่อการร้ายจะไม่ส่งผลกระทบกับการพูดคุยสันติภาพระหว่างตัวแทนรัฐบาลไทยกับขบวนการบีอาร์เอ็น และการประกาศในครั้งนี้ไม่คิดว่าจะเพิ่มความรุนแรงหรือกระพือไฟใต้ เพราะถึงอย่างไรก็คงต้องมีการก่อเหตุร้ายอยู่แล้ว ขณะนี้เราไม่มีอะไรที่เลวร้ายมากไปกว่านี้ เราจะต้องดำเนินการตามกฎหมายให้ชัดเจน ถ้าไม่ทำจะถูกตอบโต้จากต่างประเทศ และจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย"

          พ.ต.อ.สีหนาท กล่าวด้วยว่า ในเดือน พ.ค.นี้ คณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อดำเนินมาตรการทางการเงินเกี่ยวกับการฟอกเงิน หรือ FATF จะประเมินความก้าวหน้าของไทยในการวางมาตรการทางกฎหมายป้องกันการฟอกเงินที่เป็นการสนับสนุนการก่อการร้าย ฉะนั้นถ้าไม่ประกาศรายชื่อผู้ก่อการร้าย แล้วไทยไม่ถูกปลดจากบัญชีประเทศเสี่ยงก่อการร้าย ก็จะก่อผลกระทบอย่างมหาศาล

          "เราจะเกรงใจผู้ก่อการร้ายที่สังหารเจ้าหน้าที่และประชาชนอยู่ทุกวันคงไม่ได้" เลขาธิการ ปปง.กล่าว

"ภราดร"บอกปลดชื่อง่าย – "ปณิธาน"เตือนพิสูจน์ให้ชัด

          พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่า การประกาศรายชื่อผู้ก่อการร้ายจากผู้ต้องหาคดีความมั่นคงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้จะไม่ส่งผลกระทบต่อการพูดคุยสันติภาพกับขบวนการบีอาร์เอ็น เพราะ ปปง.ดำเนินการไปตามกฎหมาย เมื่อ ปปง.ประกาศรายชื่อผู้ก่อการร้ายแล้ว หากมีอะไรขัดข้องก็ต้องไปชี้แจง ถ้าชี้แจงได้ก็สามารถถอดชื่อออกจากบัญได้ ไม่มีอะไรยุ่งยาก ซึ่งการดำเนินการเรื่องนี้ง่ายกว่าหมายจับด้วยซ้ำไป เพราะอำนาจอยู่ที่ ปปง.

          ขณะที่ นายปณิธาน วัฒนายากร นักวิชาการด้านความมั่นคงจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ประเทศไทยยังไม่เคยมีการประกาศรายชื่อผู้ก่อการร้าย เพราะที่ผ่านมาไทยยังไม่ได้บังคับใช้กฎหมายต่อต้านการก่อการร้ายอย่างจริงจัง ฉะนั้นการประกาศรายชื่อผู้ก่อการร้ายตามกฎหมายฟอกเงินฉบับใหม่ ทางหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายต้องพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ให้ได้ความชัดก่อนว่าบุคคลดังกล่าวเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับก่อการร้ายจริงหรือไม่ แม้จะเป็นผู้ต้องหาในคดีความมั่นคงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็ตาม เพราะคดีในพื้นที่สามจังหวัดบางส่วนเป็นคดีอาญาธรรมดา และบางส่วนอาจมีความเกี่ยวข้องทางการเมือง

เปิดเนื้อหากฎหมายฟอกเงินหนุนก่อการร้าย

          สำหรับพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย พ.ศ.2556 มีสาระสำคัญที่น่าสนใจดังนี้

          "การก่อการร้าย" หมายความว่า การกระทำที่เป็นความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา หรือการกระทำที่เป็นความผิดตามกฎหมายซึ่งอยู่ภายใต้ขอบเขตของอนุสัญญาและพิธีสารระหว่างประเทศเกี่ยวกับการก่อการร้ายที่ประเทศไทยเป็นภาคีหรือรับรอง ทั้งนี้ ไม่ว่าการกระทำที่เป็นความผิดนั้นได้กระทำขึ้นในราชอาณาจักรหรือนอกราชอาณาจักร

          "บุคคลที่ถูกกำหนด" หมายความว่า บุคคล คณะบุคคล นิติบุคคล หรือองค์กรตามรายชื่อ ซึ่งมีมติของหรือประกาศภายใต้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติกำหนดให้เป็นผู้ที่มีการกระทำอันเป็นการก่อการร้าย หรือบุคคล คณะบุคคล นิติบุคคล หรือองค์กรตามรายชื่อที่ศาลได้พิจารณาและมีคำสั่งให้เป็นบุคคลที่ถูกกำหนดตามพระราชบัญญัตินี้

          มาตรา 4  ในกรณีที่มีมติของหรือประกาศภายใต้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติกำหนดรายชื่อบุคคล คณะบุคคล นิติบุคคล หรือองค์กรใดเป็นผู้ที่มีการกระทำอันเป็นการก่อการร้าย ให้สำนักงาน (ปปง.) เสนอรายชื่อดังกล่าวไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเพื่อมีคำสั่งประกาศรายชื่อเป็นบุคคลที่ถูกกำหนดโดยไม่ชักช้า  ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง

          การเพิกถอนรายชื่อของบุคคลที่ถูกกำหนดตามวรรคหนึ่ง ให้กระทำได้เมื่อมีมติของหรือประกาศภายใต้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติอันเป็นผลให้ต้องเพิกถอนรายชื่อผู้นั้นออกจากรายชื่อบุคคลที่ถูกกำหนดแล้ว

          มาตรา 5  ในกรณีที่มีเหตุอันควรสงสัยว่าผู้ใดมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายหรือการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย หรือดำเนินการแทนหรือตามคำสั่งหรือภายใต้การควบคุมของบุคคลนั้น ให้สำนักงานโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการธุรกรรมพิจารณาส่งรายชื่อผู้นั้นให้พนักงานอัยการพิจารณายื่นคำร้องฝ่ายเดียวขอให้ศาลมีคำสั่งเป็นบุคคลที่ถูกกำหนด และถ้าปรากฏแก่ศาลว่ามีพยานหลักฐานอันควรเชื่อได้ดังต่อไปนี้ ให้ศาลมีคำสั่งตามที่ขอ
          (1) ผู้นั้นมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายหรือการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย หรือ
          (2) ผู้นั้นดำเนินการแทนหรือตามคำสั่งหรือภายใต้การควบคุมของบุคคลที่ถูกกำหนดตาม (1) หรือ ตามมาตรา 4

          ทั้งนี้ พฤติการณ์เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายหรือการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายหรือการดำเนินการแทนหรือตามคำสั่งหรือภายใต้การควบคุมดังกล่าวตามวรรคหนึ่ง ต้องมีอยู่ในวันที่ศาลมีคำสั่งเป็นบุคคลที่ถูกกำหนด

          ให้สำนักงานทบทวนรายชื่อบุคคลที่ถูกกำหนดตามวรรคหนึ่ง ถ้าเห็นว่ามีพฤติการณ์เปลี่ยนแปลงไปให้สำนักงานโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการธุรกรรมพิจารณาส่งเรื่องให้พนักงานอัยการพิจารณายื่นคำร้องฝ่ายเดียวขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนรายชื่อผู้นั้นออกจากรายชื่อบุคคลที่ถูกกำหนด

          มาตรา 6 ให้สำนักงานประกาศรายชื่อบุคคลที่ถูกกำหนดตามมาตรา 4 และมาตรา 5 พร้อมทั้งแจ้งให้บุคคลที่ถูกกำหนดและผู้มีหน้าที่รายงานหรือบุคคลที่ครอบครองทรัพย์สินของบุคคลที่ถูกกำหนดดำเนินการดังต่อไปนี้โดยไม่ชักช้า 
          (1) ระงับการดำเนินการกับทรัพย์สินของบุคคลที่ถูกกำหนด หรือของผู้กระทำการแทนหรือตามคำสั่งของผู้นั้น หรือของกิจการภายใต้การควบคุมของผู้นั้น 
          (2) แจ้งข้อมูลเกี่ยวกับทรัพย์สินที่ถูกระงับการดำเนินการให้สำนักงานทราบ
          (3) แจ้งให้สำนักงานทราบเกี่ยวกับผู้ที่เป็นหรือเคยเป็นลูกค้าซึ่งอยู่ในรายชื่อ บุคคลที่ถูกกำหนดหรือผู้ที่มีหรือเคยมีการทำธุรกรรมกับผู้นั้น

          มาตรา 9  บุคคลที่ถูกกำหนดตามมาตรา 5 หรือผู้ซึ่งถูกระงับการดำเนินการกับทรัพย์สินตามมาตรา 6 อันเนื่องมาจากมีการกำหนดการเป็นบุคคลที่ถูกกำหนดตามมาตรา 5 อาจยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้พิจารณาในเรื่องดังต่อไปนี้
          (1) ขอให้ดำเนินการเพิกถอนรายชื่อออกจากรายชื่อบุคคลที่ถูกกำหนด
          (2) ขอให้เพิกถอนการระงับการดำเนินการกับทรัพย์สิน
          (3) ขอให้มีคำสั่งอนุญาตให้ดำเนินการใด ๆ กับทรัพย์สินที่ถูกระงับการดำเนินการกับทรัพย์สิน

          กรณีมีคำสั่งอนุญาตตาม (3) ศาลอาจกำหนดเงื่อนไขใดๆ ที่จำเป็นเพื่อป้องกันมิให้มีการนำทรัพย์สินไปใช้ในการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายด้วยก็ได้ และหากปรากฏข้อเท็จจริงว่าการอนุญาตดังกล่าวอาจเป็นช่องทางให้นำทรัพย์สินไปใช้ในการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย ศาลจะกำหนดเงื่อนไขใดๆ เพิ่มเติมหรือจะเพิกถอนการอนุญาตนั้นเสียก็ได้

"ก่อการร้าย"ตาม ป.อาญา กับจำนวนหมายจับคดีมั่นคง

          สำหรับการกระทำที่ถูกระบุว่าเป็นความผิดฐานก่อการร้าย บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา (ป.อาญา) มาตรา 135/1 ถึง 135/4

          มาตรา 135/1 ผู้ใดกระทำการอันเป็นความผิดอาญาดังต่อไปนี้
          (1) ใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการใดอันก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิต หรืออันตรายอย่างร้ายแรงต่อร่างกาย หรือเสรีภาพของบุคคลใดๆ
          (2) กระทำการใดอันก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ระบบการขนส่งสาธารณะ ระบบโทรคมนาคม หรือโครงสร้างพื้นฐานอันเป็นประโยชน์สาธารณะ
          (3) กระทำการใดอันก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินของรัฐหนึ่งรัฐใด หรือของบุคคลใด หรือต่อสิ่งแวดล้อม อันก่อให้เกิดหรือน่าจะก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างสำคัญ

          ถ้าการกระทำนั้นได้กระทำโดยมีความมุ่งหมายเพื่อขู่เข็ญหรือบังคับรัฐบาลไทย รัฐบาลต่างประเทศ หรือองค์การระหว่างประเทศ ให้กระทำหรือไม่กระทำการใดอันจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง หรือเพื่อสร้างความปั่นป่วนโดยให้เกิดความหวาดกลัวในหมู่ประชาชน ผู้นั้นกระทำความผิดฐานก่อการร้าย ต้องระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สามปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หกหมื่นบาทถึงหนึ่งล้านบาท

          การกระทำในการเดินขบวน ชุมนุม ประท้วง โต้แย้ง หรือเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องให้รัฐช่วยเหลือหรือให้ได้รับความเป็นธรรมอันเป็นการใช้เสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ไม่เป็นการกระทำความผิดฐานก่อการร้าย

          มาตรา 135/2  ผู้ใด
          (1) ขู่เข็ญว่าจะกระทำการก่อการร้าย โดยมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่าบุคคลนั้นจะกระทำการตามที่ขู่เข็ญจริง หรือ
          (2) สะสมกำลังพลหรืออาวุธ จัดหาหรือรวบรวมทรัพย์สิน ให้หรือรับการฝึกการก่อการร้าย ตระเตรียมการอื่นใด หรือสมคบกัน เพื่อก่อการร้าย หรือกระทำความผิดใดๆ อันเป็นส่วนของแผนการเพื่อก่อการร้าย หรือยุยงประชาชนให้เข้ามีส่วนในการก่อการร้าย หรือรู้ว่ามีผู้จะก่อการร้ายแล้วกระทำการใดอันเป็นการช่วยปกปิดไว้
          ผู้นั้นต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สี่หมื่นบาทถึงสองแสนบาท

          มาตรา 135/3  ผู้ใดเป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดตามมาตรา 135/1 หรือมาตรา 135/2 ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับตัวการในความผิดนั้นๆ

          มาตรา 135/4  ผู้ใดเป็นสมาชิกของคณะบุคคลซึ่งมีมติของหรือประกาศภายใต้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติกำหนดให้เป็นคณะบุคคลที่มีการกระทำอันเป็นการก่อการร้ายและรัฐบาลไทยได้ประกาศให้ความรับรองมติหรือประกาศดังกล่าวด้วยแล้ว ผู้นั้นต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปีและปรับไม่เกินหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท

          สำหรับจำนวนหมายจับคดีความมั่นคงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ออกตามความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ป.วิอาญา) ในคดีความมั่นคงซึ่งเกือบทั้งหมดระบุข้อหา "ก่อการร้าย" ด้วย มีทั้งสิ้น 4,253 หมาย (ข้อมูลถึงต้นปี 2556)

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

บรรยายภาพ : กราฟฟิกแสดงสถิติที่เกี่ยวกับสถานการณ์ไฟใต้ด้านต่างๆ รวม 9 ด้าน โดยหนึ่งในนั้นมีจำนวนหมายจับคดีความมั่นคง (โดยทีมกราฟฟิกหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ)

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • \'กรณ์\'ชี้\'หุ้นไทยยังไม่ฟื้น\' ต้องรอ\'Big Bang\' เปลี่ยนเกมเศรษฐกิจ ชี้รัฐบาลใหม่ต้องกล้าปฏิรูป 'กรณ์'ชี้'หุ้นไทยยังไม่ฟื้น' ต้องรอ'Big Bang' เปลี่ยนเกมเศรษฐกิจ ชี้รัฐบาลใหม่ต้องกล้าปฏิรูป
  • ข่าวดี! หยุด 2 วัน\'อาสาฬหบูชา-เข้าพรรษา\' ขึ้นทางด่วนฟรี 3 สายทาง  รวม 61 ด่าน ข่าวดี! หยุด 2 วัน'อาสาฬหบูชา-เข้าพรรษา' ขึ้นทางด่วนฟรี 3 สายทาง รวม 61 ด่าน
  • ปชป.เลือดไหลไม่หยุด! \'ชานน สัมพันธารักษ์\'ยื่นใบลาออก รับไม่ได้อุดมการณ์เปลี่ยน ปชป.เลือดไหลไม่หยุด! 'ชานน สัมพันธารักษ์'ยื่นใบลาออก รับไม่ได้อุดมการณ์เปลี่ยน
  • ถ้าผมไม่เxือก แล้วใครจะเxือก! วาทะ \'ทักษิณ\' จุดเดือด \'นักข่าวอาวุโส\' ลั่นดูถูกคนไทยเกินรับไหว ถ้าผมไม่เxือก แล้วใครจะเxือก! วาทะ 'ทักษิณ' จุดเดือด 'นักข่าวอาวุโส' ลั่นดูถูกคนไทยเกินรับไหว
  • \'กอบศักดิ์\' ฟันธง \'ภาษีทรัมป์\' รอบนี้ของจริง! เตือนไทยจับตาโครงสร้างการค้าโลกใหม่ 'กอบศักดิ์' ฟันธง 'ภาษีทรัมป์' รอบนี้ของจริง! เตือนไทยจับตาโครงสร้างการค้าโลกใหม่
  • รัฐบาลย้ำต้องขุดรากถอนโคนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลังออกหมายจับแก๊ง \'ก๊ก อาน\' รัฐบาลย้ำต้องขุดรากถอนโคนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลังออกหมายจับแก๊ง 'ก๊ก อาน'
  •  

Breaking News

'กรณ์'ชี้'หุ้นไทยยังไม่ฟื้น' ต้องรอ'Big Bang' เปลี่ยนเกมเศรษฐกิจ ชี้รัฐบาลใหม่ต้องกล้าปฏิรูป

เกินจะต้าน! ลูกยางไทยแพ้มะกันเนชันส์ลีกวีค 3

ข่าวดี! หยุด 2 วัน'อาสาฬหบูชา-เข้าพรรษา' ขึ้นทางด่วนฟรี 3 สายทาง รวม 61 ด่าน

แฉซ้ำ‘หลวงพ่อมหาน้อย’เปิดสำนักสาขา 2 ตั้งพระคู่ใจบวชแค่ 2 พรรษาได้เป็นพระครูดูแล

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved