นางอรุณี กล่าวว่า เมื่อช่วงสายของวันที่ 7 มิถุนายนที่ผ่านมา นายเอกยุทธ ได้ติดต่อทางโทรศัพท์ถึงนางสุภากรณ์ แหวนหล่อ พี่สาวคนโต ว่าให้นำสมุดเช็คธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาทาวน์อินทาวน์ ไปให้กับพนักงานขับรถของบริษัท เพื่อนำไปให้นายเอกยุทธ เซ็นสั่งจ่ายเงินจำนวน 5 ล้านบาท ที่ บริเวณประตู 8 สนามบินสุวรรณภูมิ แต่เมื่อเดินทางไปถึงจุดนัดพบกลับไม่พบนายเอกยุทธ มีเพียงรถตู้ ยี่ห้อโฟล์ค สีดำ ทะเบียน ฮพ 9304 กรุงเทพมหานคร ที่จอดอยู่บริเวณประตู 7

               

นางอรุณี กล่าวต่อว่า หลังจากพนักงานขับรถเดินไปพบ นายสันติภาพ คนขับรถประจำตัวของนายเอกยุทธ เป็นผู้มารับสมุดเช็ค โดยนายสันติภาพ อ้างว่าจะนำไปให้นายเอกยุทธ เซ็นสมุดเช็คเอง และขอให้พนักงานขับรถจอดรถรอที่จุดดังกล่าว กระทั่งเวลาผ่านไปประมาณ 45 นาที นายสันติภาพ จึงนำเช็คที่มีลายเซ็นของนายเอกยุทธ ไปขึ้นเงินที่ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาทาวน์อินทาวน์ โดยครั้งแรกเจ้าหน้าที่ธนาคารระบุว่าไม่สามารถขึ้นเงินได้เพราะมีการเซ็นข้อมูลเช็คผิด จากนั้นทางธนาคารจึงโทรศัพท์ติดต่อไปที่นายเอกยุทธ จึงมีการเบิกเงินจำนวน 5 ล้านบาทออกมาได้

               

“ต่อมา พนักงานขับรถได้นำเงินที่เบิกมาเรียบร้อยแล้วไปยังจุดนัดหมาย ประตู 8 สนามบินสุวรรณภูมิ แต่ก็ยังไม่ได้พบกับนายเอกยุทธ อีกเช่นเคย และมีนายสันติภาพ เป็นผู้รับเงินจำนวนดังกล่าว ก่อนจะขับรถตู้ออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ ส่วนพนักงานขับรถก็กลับมาที่บริษัท หลังจากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อนายเอกยุทธ ได้อีก” น้องสาวของนายเอกยุทธ กล่าว

               

ทั้งนี้ สำหรับการหายตัวไปอย่างลึกลับของนายเอกยุทธ นั้น ทางญาติพบว่า ก่อนหน้านั้นนายเอกยุทธ ได้นัดรับประทานอาหารกับเพื่อน ที่ร้านอาหารกระแต ย่านสะพานควาย เมื่อคืนวันที่ 6 มิถุนายนที่ผ่านมา และสามารถติดต่อกับนายเอกยุทธ ทางโทรศัพท์ครั้งสุดท้ายได้เมื่อช่วงค่ำวันที่ 7 มิถุนายน หลังจากนั้น ญาติได้เดินทางไปบ้านพักนายเอกยุทธ ย่านทาวน์อินทาวน์ ก็พบว่าประตูไม้ด้านหลังบ้านถูกเปิดทิ้งไว้  และเซิร์ฟเวอร์ของกล้องวงจรปิดถูกขโมยไป จึงรีบพากันไปแจ้งความไว้ที่ สน.วังทองหลาง เพื่อให้ช่วยตามหาตัวนายเอกยุทธ พร้อมทรัพย์สินที่ติดตัวไป ทั้งนาฬิกายี่ห้อโรเล็กซ์ แหวนเพชร มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท รวมทั้ง พระสมเด็จที่ห้อยคอ และเงินที่พกติดตัวอีกประมาณ 1 แสนบาท

               

 

ด้าน นายสุวัฒน์ กล่าวว่า ในส่วนของสาเหตุการหายตัวไปนั้นมีหลายประเด็น เพราะก่อนหน้านี้นายเอกยุทธ เพิ่งไล่พนักงานบริษัท 3 คน ออกจากงานไป เนื่องจากจับได้ว่าร่วมกันยักยอกเงินบริษัทกว่า 1 ล้านบาท ประเด็นต่อมาอาจเกิดจากความขัดแย้งระหว่างนายเอกยุทธ กับตำรวจเพราะก่อนหน้านี้เพิ่งถูกออกหมายเรียกให้เข้าพบพนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน กรณีทะเลาะวิวาทในร้านอาหารคาราโอเกะซิตี้ ย่านถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา เมื่อเดือนธันวาคม 2555

               

ขณะที่ พ.ต.ท.นิคม ชัยเจริญ สว.กก.1 บก.ป.สั่งการให้ชุดสืบสวน ประสานข้อมูลร่วมกับทาง สน.วังทองหลาง และชุดสืบสวน กก.สส.บก.น.4 เพื่อเร่งสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ในการติดตามตัวนายเอกยุทธ อย่างไรก็ดี ทาง บก.ป.ไม่ได้รับแจ้งความ หรือลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานแต่อย่างใด เนื่องจากญาติของนายเอกยุทธ ได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สน.วังทองหลาง ไปแล้ว