‘เทือก’สั่งรบ.-เป่านกหวีด
ปลุกม็อบสู้
ดีเดย์31ต.ค.ต้านนิรโทษ
พรรค‘ขี้ข้า’เร่งเกมแตกหัก
ปล้นสภาฯถกวันพฤหัสฯนี้
หักคอลงมติวาระสาม2พย.
‘มาร์ค’ขู่ฟ้องอสส.คดีแดง
วันที่ 29 ตุลาคม มีการประชุมคณะกรรมาธิการ(กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิด เนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง และการแสดงออกทางการเมืองของประชาชน พ.ศ. ... หรือ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เป็นนัดสุดท้าย โดยมี นายสามารถ แก้วมีชัย สส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธาน กมธ. เป็นประธานในที่ประชุม โดยมีวาระสำคัญ คือ การพิจารณาศึกษาตรวจสอบความถูกต้องของเนื้อหาร่างกฎหมายฉบับดังกล่าว ก่อนนำเสนอต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร
พท.ลุยดันนิรโทษเข้าสภาฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการประชุม กมธ.เสียงข้างน้อยจากพรรคประชาธิปัตย์พากันทักท้วงเพื่อคัดค้านการเร่งรัดปิดการพิจารณาในชั้น กมธ. เนื่องจากยังมี กมธ.เสียงข้างน้อย อีกหลายคนยังไม่ได้เสนอคำแปรญัตติแก้ไขถ้อยคำ แต่ นายสามารถ กลับยืนยันให้ที่ประชุมเดินหน้ารับรองรายงานและดำเนินการไปตามระเบียบขั้นตอน โดยให้กมธ.เสียงข้างน้อยไปใช้สิทธิอภิปรายในวาระที่ 2 แทน
ขุนค้อนกลับลำรับลูกถก31ตค.
ขณะที่วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้มีหนังสือด่วนที่สุดเพื่อนัดประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 31 ตุลาคม เวลา 09.30 น. เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ตามที่ กมธ. ได้พิจารณาและนำเสนอเข้าสู่วาระการประชุม ทั้งที่ก่อนหน้านี้ นายสมศักดิ์ เพิ่งมีหนังสือสั่งงดประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 31 ตุลาคมไปหมาดๆ
อ้างต้องรีบช่วยคนติดคุก
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกรอบข้อบังคับ ไม่ได้เป็นการเร่งรืบ แต่เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าไม่เรียกประชุมในวันที่ 31 ตุลาคม ก็ต้องประชุมในสัปดาห์ต่อไปอยู่ดี อีกทั้งส่วนตัวก็เห็นว่า เป็นเรื่องด่วน ส่วนใครจะมองต่างอย่างไร ก็เป็นเรื่องมองต่างมุม
เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่า การเร่งรีบครั้งนี้ทำเพื่อประโยชน์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยเฉพาะ นายสมศักดิ์ ตอบว่า ก็ต้องไปถามคนที่อยู่ในคุกด้วย เราต้องการเร่งคืนความเป็นธรรมให้คนทุกฝ่ายเท่านั้น
ปูตาใสอ้างไม่เกี่ยว“สุดซอย”
ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวโดยยังคงยืนยันคำพูดเดิมว่า การดำเนินการเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล เป็นการดำเนินการของสภาผู้แทนราษฎร ในส่วนของรัฐบาลทำได้ก็ คือ พยายามทำให้บรรยากาศบ้านเมืองเป็นไปอย่างสงบ ไม่อยากเห็นการก่อความวุ่นวาย การพิจารณากฎหมายฉบับนี้ยังมีอีกหลายขั้นตอน ซึ่งเชื่อว่าระหว่างนั้นจะทำให้ข้อมูลต่างๆ เกิดความกระจ่างและชัดเจนขึ้น
กรี๊ดปัด“ดื้อตาใส”ยันไม่เกี่ยว
ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านวิพากษ์วิจารณ์นายกฯดื้อตาใส ชอบอ้างว่าร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เป็นเรื่องของ สส. โดยรัฐบาลมีหน้าที่แค่ดูแลความสงบนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้ความเห็นว่า ฝ่ายค้านก็อยู่ในสภาฯมานาน ก็คงทราบดีว่า อำนาจนิติบัญญัติกับอำนาจฝ่ายบริหารทำงานแยกส่วนกัน ซึ่งต้องเคารพการตัดสินใจของแต่ฝ่าย ตนทำหน้าที่ในส่วนของรัฐบาล ที่ดูแลความเรียบร้อยภายในประเทศเท่านั้น
ลอยตัวไม่ร่วมถกอ้างติดงาน
เมื่อถามว่า จะเข้าร่วมพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม วาระ 2 ในวันที่ 31 ตุลาคมด้วยหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตอบว่า ต้องไปประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจรที่ จ.ลพบุรี ซึ่งเป็นกำหนดการเดิมที่มีอยู่แล้ว ทั้งนี้หากไม่ติดภารกิจดังกล่าว ก็คงต้องไปร่วมประชุมในฐานะ สส.อยู่แล้ว
ให้ท้ายเพื่อไทยดันสุดซอย
เมื่อถามว่า การที่สส.พรรคเพื่อไทยประกาศหนุน พรบ. นิรโทษกรรม แบบสุดซอย ตามที่กมธ.แก้ไข จะก่อให้เกิดความขัดแย้งหรือรุนแรงบานปลายหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตอบว่า คงต้องรอดู แต่ขณะเดียวกันก็ต้องเคารพในเจตนารมณ์ของสส. ถือเป็นสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกและตัดสินใจ
“เต้น”ขึงขังไม่เอานิรโทษ
ด้าน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มเสื้อแดง กล่าวว่า ยังยืนยันกลักการเดิมที่ได้ประกาศต่อสังคมว่า เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการเคลื่อนไหวทางการเมือง และเห็นด้วยกับการล้มล้างผลพวงของคณะรัฐประหาร แต่ไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษแกนนำ หรือผู้บริหารฝ่ายรัฐที่มีอำนาจสั่งการ และจากการพูดคุยกับเพื่อนสมาชิกพรรคเพื่อไทย และแกนนำพรรค ก็เข้าใจท่าทีนี้
ย้ำเว้นโทษให้แม้วไม่เป็นไร
เมื่อถามว่า หากไม่สนับสนุนก็อาจทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้กลับบ้าน นายณัฐวุฒิ ตอบว่า ภารกิจการนำ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับบ้านเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง เราสนับสนุน แต่ที่ยังคัดค้าน คือ การนิรโทษกรรมแกนนำและผู้สั่งการในเหตุการณ์กระชับพื้นที่ชุมนุมกลุ่มเสื้อแดงเท่านั้น
ปัด“เจ๊แดง”บีบน้ำตาขอร้อง
เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่ นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย ร้องไห้ขอให้สส.พรรคเพื่อไทยสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แบบสุดซอย นายณัฐวุฒิ ตอบว่า คงเป็นแค่ข่าวเท่านั้น แต่ไม่ว่าจะสนทนากับใคร ยังยืนยันจุดยืนชัดเจน เมื่อถามว่าห่วงหรือไม่ว่าจะเกิดความรุนแรงหากยังผลักดันเรื่องนี้ นายณัฐวุฒิ ตอบว่า ยังไม่มีสัญญาณ แล้วถ้าจะเกิดการชุมนุมความรุนแรงก็ไม่เกิดจากรัฐบาล
ส่งม็อบหนุนนิรโทษกรรม
วันเดียวกันที่พรรคเพื่อไทย มีกลุ่มเสื้อแดงจาก จ.ปทุมธานี เดินทางมายังพรรคเพื่อไทย เพื่อให้กำลังใจสส.ในการโหวตสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แบบสุดซอย เพื่อนำ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับประเทศไทย โดยอ้างว่า แม้จะได้รับความเจ็บปวดจากเหตุการณ์กระชับพื้นที่การชุมนุมเมื่อปี 2553 แต่เมื่อพิจารณาสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน การจะทำให้ประเทศกลับคืนสู่ความสงบ ควรลืมเหตุการณ์ที่ผ่านมาและให้อภัยต่อกัน จึงขอให้พรรคเพื่อไทยผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว และให้มีผลประกาศใช้โดยเร็วต่อไป
อ้างช่วยแม้วให้มาร์คเจ็บใจ
ขณะที่ จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ได้ปราศรัยกับกลุ่มเสื้อแดงว่า หากต้องการให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เข้าคุก คงต้องใช้เวลานานและไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากมีเอกสิทธิ์ความเป็นสส.คุ้มครองอยู่ ดังนั้นจึงควรต้องเอา พ.ต.ท.ทักษิณ กลับบ้านก่อน ซึ่งจะทำให้ทั้ง 2 คน รู้สึกเจ็บปวดยิ่งกว่า วันนี้กลุ่มเสื้อแดงบางคนยังคิดผิดที่ออกมาต่อต้าน ทำให้ไปเข้าทางพรรคประชาธิปัตย์
พท.มติเอกฉันท์โหวตสุดซอย
ส่วนการประชุมของสส.พรรคเพื่อไทยที่มีขึ้นในช่วงเย็นวันเดียวกันนี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ให้สส.ของพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาล สนับสนุนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ตามเนื้อหาที่กมธ.เสียงข้างมากได้แก้ไขเอาไว้ โดยให้ลงมติไปในทิศเดียวกันในการเห็นชอบในการพิจารณาวาระ 2 และ วาระ 3 ร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว
แนะเสื้อแดงทำใจความเห็นต่าง
สำหรับท่าทีของพรรคต่อกลุ่มเสื้อแดงนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า พรรคเห็นว่าความเห็นทางการเมืองในการหาทางออกของประเทศย่อมแตกต่างกันได้ และถือเป็นความแตกต่างระหว่างมิตร โดยพรรคขอยืนอยู่บนพื้นฐานที่เข้าใจและเห็นใจ และให้สส.ของพรรคไปทำความเข้าใจ พูดคุย และประสานงานในทุกภาคส่วน เราเชื่อว่า การดำเนินการของเราจะทำให้ประเทศหลุดจากความขัดแย้ง ขณะที่ผู้ถูกคุมขังจะได้ออกจากความขัดแย้ง
จี้“สส.แดง”ต้องทำตามมติ
เมื่อถามว่า กลุ่มสส.เสื้อแดง จะโหวตตามมติพรรคใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม ตอบว่า สส.พรรคโดยรวมจะเดินหน้าตามมติพรรค เพราะวันนี้เป็นสส.ซึ่งแตกต่างจากการอยู่ในฐานะผู้นำมวลชน จึงต้องเห็นความสำคัญของมติพรรค อย่างไรก็ตามเท่าที่พูดคุย พรรคเข้าใจถึงความยากลำบาก ความอึดอัดใจของทุกส่วน ส่วนจะมีบทลงโทษสส.ที่โหวตสวนมติพรรคหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า วันนี้ยังเชื่อว่าจะโหวตไปในทิศทางเดียวกัน
รวบรัดโหวตวาระ3เสาร์นี้
นายอำนวย คลังผา ประธานคณะกรรมการประสานงาน (วิป) พรรคร่วมรัฐบาล เปิดเผยว่า สำหรับการประชุมสภาฯ เพื่อพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม วาระ 2 จะพิจารณาในวันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม – วันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน ตั้งแต่เวลา 10.00 น. – 22.00 น. จากนั้นในวันเสาร์ที่ 2 พฤศจิกายน จะลงมติวาระ 3 ต่อทันที
เอกชนจวกละเมิดสัญญาUN
วันเดียวกันที่สำนักงานองค์การสหประชาชาติ (UN) ประจำประเทศไทย องค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) นำโดย นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กร ได้เข้ายื่นหนังสือเรียกร้องให้ UN จับตามองการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ของรัฐบาล โดย นายประมนต์ กล่าวว่า ต้องการให้นานาชาติจับตามองท่าทีของรัฐบาลไทยว่า สิ่งที่รัฐบาลไทยกำลังดำเนินการอยู่ ขัดต่ออนุสัญญาองค์การสหประชาชาติเพื่อการต่อต้านการทุจริตที่รัฐบาลไทยเคยให้สัตยาบันไว้ เนื่องจากร่าง พรบ.นิรโทษกรรม มีเจตนาลบล้างความผิดในคดีทุจริต
ธาริตแยกสำนวนฟันมาร์ค-เทือก
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยความคืบหน้ากรณีอัยการสูงสุดสั่งฟ้อง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ กรณีสั่งสลายการชุมนุมกลุ่มเสื้อแดงว่า การที่อัยการมีความเห็นสั่งฟ้องตามความเห็นของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ จึงยืนยันได้ว่าเป็นการทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จะเดินหน้าแยกสำนวนคดีเพื่อเสนอสั่งฟ้องเป็นรายคดีต่อไป เพราะเห็นว่าเป็นการออกคำสั่งที่ต่อเนื่องกัน มีเจตนาเดียวกันเพื่อสลายการชุมนุม
อสส.เร่งร่างคำฟ้องมาร์ค-เทือก
ด้าน นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า ภายหลังจากอัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้องแล้ว ก็ได้ส่งสำนวนคดีกลับมาที่อัยการสำนักงานคดีพิเศษ โดยอัยการสูงสุดสั่งให้ทางอัยการสำนักงานคดีพิเศษเตรียมร่างคำฟ้องให้เสร็จเรียบร้อยก่อนวันที่ 31 ตุลาคมนี้ ซึ่งหากในวันดังกล่าว นายอภิสิทธิ์ และ นายสุเทพ มาพบอัยการตามนัด ก็ต้องดูว่าผู้ต้องหารประสงค์จะใช้เอกสิทธิ์คุ้มครองหรือไม่
เตือนDSIป่วยการแยกสำนวน
นายวัชรินทร์ กล่าวอีกว่า คำสั่งของอัยการสูงสุดถือว่าเป็นที่สิ้นสุดแล้ว ผู้ต้องหาไม่สามารถร้องขอความเป็นธรรมได้อีก หรือแม้แต่ดีเอสไอก็จะมีความเห็นแย้งไม่ได้ ส่วนกรณีดีเอสไอจะแยกสำนวนฟ้องนั้น อัยการสูงสุดมองว่า กรณีดังกล่าวเป็นการออกคำสั่งครั้งเดียว จึงมีความผิดกรรมเดียว ดังนั้นต่อให้ดีเอสไอแยกสำนวนฟ้อง สุดท้ายก็ต้องเอามารวมกันในชั้นศาล และสุดท้ายศาลก็จะพิพากษาครั้งเดียว
“มาร์ค”ลั่น31ตค.เข้าพบอัยการ
วันเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ สส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมกันแถลงท่าทีต่อกรณีอัยการสูงสุดมีความเห็นสั่งฟ้องในข้อหาร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าและพยายามฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผลคดีชุมนุมทางการเมืองปี 2553 โดย นายอภิสิทธิ์ ยืนยันว่า ตนและนายสุเทพจะไปพบอัยการในวัน 31 สิงหาคม ไม่หนีไมไปไหน และจะต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม
กร้าวฟ้องอสส.กระทำมิชอบ
นายอภิสิทธิ์ ย้ำด้วยว่า มีประเด็นโต้แย้งหักล้างกลับทั้งต่อดีเอสไอและอัยการ ทั้งในข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย และจะฟ้องอัยการสูงสุดที่กระทำการโดยไม่ชอบต่อตำแหน่งหน้าที่ เหมือนกับที่เคยฟ้องดีเอสไอไปแล้ว เพราะระหว่างทำหน้าที่เป็นนายกฯและนายสุเทพเป็นผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ) ในขณะนั้น ต้องการทำบ้านเมืองกลับสู่ความสงบสุข ไม่มีนโยบายการสลายการชุมนุม ขณะที่อัยการสูงสุดกลับระบุไม่ตรงข้อเท็จจริง คือ ในสำนวนของดีเอสไอไม่ได้ระบุว่า มีชายชุดดำ ซึ่งเป็นการละเลยอย่างมีนัยยะสำคัญ ทั้งที่อัยการสูงสุดทราบดีว่ามีชายชุดดำ โดยในคดีที่สั่งฟ้องในคดีก่อการร้ายคดีที่ 2542/53 นั้น ก็มีการระบุถึงชายชุดดำไม่น้อยกว่า 20 หน้า ซึ่งที่ผ่านมาก็เคยร้องขอความเป็นธรรมให้พิจารณาประเด็นนี้แล้ว
ยืนกรานไม่เอานิรโทษกรรม
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า กรณีที่วิเคราะห์กันว่าการสั่งฟ้องครั้งนี้เพราะต้องการหวังผลต่อกรณีการนิรโทษกรรมนั้น ขอยืนยันจุดยืนเดิมว่า การนิรโทษกรรมต้องไม่รวมไปถึงคดีการเสียชีวิต หรือทุจริต ซึ่งตนและพรรคประชาธิปัตย์ จะเดินหน้าคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เข้มข้นกว่าเดิม โดยจะค้านค้านทั้งในวาระ 2-3 ในสภา และจะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ เพราะเห็นว่าขัดรัฐธรรมนูญในหลายมาตรา ไม่ใช่ค้านเล่นๆ
ลั่นสู้คดีถึงที่สุดไม่กลัวติดคุก
“เราขอต่อสู้คดี ไม่หนีไปไหน เรามั่นใจในความบริสุทธิ์ เรามั่นใจว่าจะได้รับความเป็นธรรม แต่หากแม้นว่าศาลจะตัดสินว่าเราผิด ผมก็ยืนยันว่า ผมรับผิด ก็ต้องรับผิด วันนี้ต้องพิสูจน์ครับว่า มันมีคนที่พร้อมจะเอาประเทศชาติ อยู่เหนือผลประโยชน์ของตัวเองจริงๆ คนที่มาจากตระกูลที่มีสันดานจากการโกงกิน แล้วเอาผลประโยชน์ตัวเองเป็นหลัก ไม่มีทางเข้าใจหรอกครับ อันนี้ผมก็เห็นใจ แต่ขอให้เชื่อเถอะครับว่า บ้านเมืองนี้ยังมีคนที่พร้อมจะเอาประเทศอยู่เหนือผลประโยชน์ตัวเอง ผมกับคุณสุเทพจะพิสูจน์สิ่งเหล่านี้” นายอภิสิทธิ์กล่าว
“เทือก”กร้าวไม่ยอมจำนนสุดซอย
ด้าน นายสุเทพ กล่าวว่า ที่มองว่า การมีคำสั่งฟ้องครั้งนี้เพื่อบีบให้ตนต้องยอมจำนนกับกฎหมายล้างผิดคนโกงนั้น ขอบอกเลยว่า ไม่มีทาง และจะเพิ่มความเข้มแข็งในการต่อสู้กฎหมายนี้ ทันทีที่กฎหมายเข้าสู่วาระ 2-3 โดยจะขอเชิญชวนประชาชน ที่รักชาติรักความถูกต้องลุกขึ้นมาคัดค้านกฎหมายฉบับนี้พร้อมเพรียงกัน ตนเองและผู้ที่มีความคิดเห็นอย่างเดียวกันจะออกมาคัดค้านจะผนึกกำลังต่อสู้ทั้งประเทศ
แฉอัยการแนะจนท.ติดอาวุธปราบ
นายสุเทพ กล่าวด้วยว่า รู้สึกแปลกใจในความเห็นของอัยการ เพราะในเหตุการณ์ความรุนแรงเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 อัยการสูงสุดก็เป็นผู้มีคำแนะนำให้เจ้าหน้าที่ติดอาวุธเพื่อป้องกันตัว และการประชุมของ ศอฉ. มีตัวแทนอัยการสูงสุดเข้าประชุมทุกครั้งและไม่ทักท้วงใดๆ ยืนยันว่ารัฐบาลขณะนั้นไม่มีเจตนาปราบปรามประชาชน แต่มีผู้มีอาวุธร้ายแรงใช้กำลังก่อการร้าย ซึ่งการออกคำสั่งก็เป็นไปตามขั้นตอน จากเบาไปหาหนัก
มาร์คสั่งสส.ดาหน้าถล่ม“สุดซอย”
ขณะที่ในการประชุมสส.พรรคประชาธิปัตย์ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน มีการหารือถึงการนำร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เข้าสู่การพิจารณาในวันที่ 31 ตุลาคม โดย นายอภิสิทธิ์ ได้กำชับให้ สส.ทุกคนอภิปรายอย่างเต็มที่ เพื่อชี้แจงถึงผลดีผลเสียที่ประเทศชาติจะได้รับ
เป่านกหวีดจัดชุมนุมใหญ่ต้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการประชุม ส.ส.เสร็จสิ้น นายสุเทพ ได้นัดหารือกลุ่มสส.ที่สนิทสนมกัน ที่เซฟเฮ้าท์แห่งหนึ่งใน กทม. โดยได้วิเคราะห์ว่า รัฐบาลเร่งเกมเร็วเพื่อตัดตอนไม่ให้ประชาชนตั้งตัวติดจนพากันออกมาชุมนุมคัดค้าน จึงเห็นว่า หารอเป่านกหวีดชุมนุมหลังจบวาระ 3 คงไม่ทันการณ์ ดังนั้น นายสุเทพ และ สส.ของพรรคส่วนหนึ่งจึงจะขอออกมาต่อสู้เคียงข้างกับประชาชน โดยเห็นพ้องกันว่า จะเป่านกหวีดเรียกร้องให้ประชาชนแต่งชุดดำมาร่วมชุมนุมแบบยืดเยื้อ ที่บริเวณลานเลียบทางรถไฟสามเสน ใกล้พรรคประชาธิปัตย์
สส.ปชป.เปิดฉากปลุกระดม
ขณะที่ในช่วงเย็นวันเดียวกัน สส.พรรคประชาธิปัตย์ หลายคนได้ร่วมกันโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คว่า “ได้เวลาเป่านกหวีด ต้านกฎหมายล้างผิด 31 ต.ค. เวลา 18.00 น. จุดนัดสถานีรถไฟสามเสน ใกล้ รพ.วิชัยยุทธ ออกมาช่วยชาติ” นอกจากนี้ น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส. พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ยังระบุในเฟซบุ๊คอีกว่า จะมีการเปิดแถลงข่าวการเป่านกหวีดอย่างเป็นทางการ โดย นายสุเทพ ที่ลานพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.7) หน้าอาคารรัฐสภา ในเวลา 10.00 น. วันที่ 30 ตุลาคม
“อุรุพงษ์”ขยับยกระดับชุมนุม
ส่วนการชุมนุมของเครือข่ายนักศึกษาและประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ที่บริเวณแยกอุรุพงษ์ นั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ นายอุทัย ยอดมณี แกนนำ คปท. เปิดเผยว่า แกนนำและที่ปรึกษา คปท. เตรียมหารือกันเพื่อยกระดับการชุมนุม และติดตามกรณีที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้นัดพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม วาระ 2 ในวันที่ 31 ตุลาคม ซึ่งอาจมีการเร่งรัด เพื่อนำเข้าสู่วาระ 3 ในวันเดียวกัน จึงต้องเตรียมความพร้อม เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์การต่อสู้ ซึ่งจะมีรูปแบบอย่างไร จะแจ้งให้ทราบรายละเอียดอีกครั้ง
“ปู”นัดถกเครียดความมั่นคง
มีรายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันเดียวกันนี้ ก่อนเข้าสู่วาระ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ขอหารือนอกรอบกับ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี และฝ่ายความมั่นคง โดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที พล.ต.อ.ประชา เป็นผู้รายงานสถานการณ์ชุมนุมของกลุ่มต่างๆ ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทราบ
สมช.เตือนแผนหลอกย้ายกำลัง
ขณะที่ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้รายงานข้อมูลเพิ่มเติมว่า ขณะนี้มีกลุ่มการเมืองต่างๆ ต้องการเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาล โดยใช้วิธีกระจายตัวไปยังพื้นที่ต่างๆ เพื่อหลอกล่อให้เคลื่อนย้ายกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ควบคุมดูแลทำเนียบรัฐบาลและอาคารรัฐสภา ไปดูแลสถานการณ์ที่จุดอื่น ดังนั้นจึงต้องคงกำลังในส่วนนี้ไว้ และจัดกำลังไว้ในสัดส่วนเจ้าหน้าที่ 6 คน ต่อผู้ชุมนุม 1 คน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี