4 พ.ย.56 พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร อดีตหัวหน้านายตำรวจราชสำนักประจำและอดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ โพสต์เฟซบุ๊คส่วนตัว "วสิษฐ เดชกุญชร (Vasit Dejkunjorn) ได้โพสต์ข้อความถึงสถานการณ์บ้านเมืองซึ่งกำลังร้อนแรงอยู่ในขณะนี้ว่า หากรัฐบาลไม่หยุด พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ล้างผิดให้อาชญากรที่ปล้น ฆ่าและโกงบ้านโกงเมือง โดยมีนักโทษหนีคดี ทักษิณ ชินวัตร เป็นหัวหน้าอาชญากรนั้น เชื่อว่า จะต้องเกิดสงครามกลางเมือง และต้องมีการบาดเจ็บและเสียชีวิตของทั้งสองฝ่าย ดังที่ได้เคยเกิดแล้วในเดือนตุลาคม พ.ศ.2516 เดือนตุลาคม พ.ศ.2519 และใน เดือนพฤษภาคม พ.ศ.2535 และเมือถึงเวลานั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และวงศาคณาญาติ กับสมุนจะต้องเป็นฝ่ายแพ้ในสงคราม กลายเป็นสัมภเวสีร่อนเร่ เช่นเดียวกับทักษิณ พี่ชาย
พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร โพสต์ในเฟซบุ๊คมีข้อความดังนี้
สงครามกลางเมือง
4 พฤศจิกายน 2013 เวลา 8:51 น.
สงครามกลางเมือง โดยวสิษฐ เดชกุญชร
ผมผ่านร้อนผ่านหนาวมาจนอายุของผมกว่า 80 ปีแล้ว เคยมีตำแหน่งหน้าที่ทั้งในราชการ ประจำและการเมืองเคยเป็นสมาชิกวุฒิสภาและรัฐมนตรี เคยเห็นการยึดอำนาจการปกครองมา หลายครั้ง แต่ที่เคยเห็นนั้นเป็นแต่การยึดอำนาจที่ทำโดยทหารถืออาวุธไม่เคยนึกว่าจะได้เห็นการยึดอำนาจการปกครองโดยพรรคการเมืองที่มีเสียงข้างมากในรัฐสภา จนกระทั่งวันนี้
พฤติการณ์ของพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลที่มีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นบทที่น่าอัปยศอดสูที่สุดบทหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองของไทย เพราะสามารถเอาชนะในการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาด้วยคะแนนเสียงเหนือพรรคอื่น ๆ พรรคเพื่อไทยจึงสามารถตั้งน.ส.ยิ่ง ลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรีหุ่น (โดยมี (พ.ต.ท.)ทักษิณ ชินวัตร)เป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริง) และเมื่อยึดรัฐสภาและรัฐบาลได้แล้ว สมุนของ (พ.ต.ท.)ทักษิณก็รุกคืบต่อไปด้วยการแก้ไขรัฐธรรม นูญและออกกฎหมายนิรโทษกรรม รัฐธรรมนูญฉบับที่แก้ไขเพิ่มเติมนั้น เห็นได้ชัดว่าทำเพื่อเสริมอำนาจทางการเมืองของรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย ส่วนร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ซึ่ง ผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรและได้ส่งไปให้วุฒิสภาพิจารณาแล้วนั้น ก็เห็นได้ชัดเช่นกันว่าทำเพื่อนิรโทษหรือล้างผิดโดยปราศจากเงื่อนไขให้แก่อาชญากรที่ปล้น ฆ่าและโกงบ้าน โกงเมือง โดยมี(พ.ต.ท.)ทักษิณเป็นหัวหน้าอาชญากร
หากร่างกฎหมายนิรโทษฉบับนี้ผ่านรัฐสภาและประกาศใช้อาชญากรคนหนึ่งที่จะพ้นผิด ทุกกระทงก็คือ (พ.ต.ท.) ทักษิณ รัฐจะต้องคืนเงินประมาณ 46,000 ล้านบาทที่ยึดจาก (พ.ต.ท.) ทักษิณ และจะต้องชำระดอกเบี้ยให้ด้วย รวมแล้วเป็นเงินไม่ต่ำกว่า 50,000 ล้านบาท
ทั้งสิ้นนี้กำลังจะเกิดขึ้นเพราะความพยายามที่จะการยึดอำนาจการปกครองประเทศโดยพรรคเพื่อไทย
พรรคประชาธิปัตย์อันเป็นฝ่ายค้านได้ทำหน้าที่ของตนอย่างเต็มภาคภูมิในการค้านทั้งร่างรัฐธรรมนูญและร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม การทำหน้าที่ของพรรคประชาธิปัตย์ทำให้ประชาชนตาสว่างและเห็นว่ากำลังจะเกิดอะไรแก่บ้านเมือง จึงมีการจัดตั้งกลุ่มต่าง ๆ ขึ้นทั้งในกรุงเทพ ฯ และต่างจังหวัด เช่น กลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณซึ่งตั้งเวทีชุมนุมต่อต้านอยู่ที่สวน ลุมพินีเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.)ซึ่งตั้งเวทีชุมนุมอยู่ที่บริเวณเชิง สะพานอุรุพงษ์และกลุ่มประชาชนที่สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งตั้งเวทีชุมนุมอยู่ที่ข้าง สถานี รถไฟสามเสน
กลุ่มต่างๆ เหล่านี้ได้ประกาศที่จะชุมนุมต่อต้านอย่างยืดเยื้อ ทุกกลุ่มมีจำนวนผู้เข้าร่วมชุมนุมมากขึ้นตลอดเวลา รวมทั้งที่มาจากต่างจังหวัดด้วย หลายจังหวัดก็มีการชุมนุมของกลุ่มที่ต่อต้านกฎหมายอัปยศฉบับนี้ด้วย ล่าสุดเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านไปนี้ กลุ่มนักธุรกิจถนนสีลมกลุ่มแพทย์และพยาบาล และกลุ่มอาจารย์และนักศึกษาหลายมหาวิทยาลัยก็ประกาศจะชุมนุม ต่อต้านกฎหมายนิรโทษกรรมด้วย
ท่าทีของทางฝ่ายรัฐบาลนั้นขณะนี้เป็นไปทางด้านสงบและหยั่งเชิง แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีความพยายามที่จะขัดขวางการชุมนุมด้วยอุบายต่างๆ เช่นเอาหมามุ่ยไปโรยใส่ผู้ชุมนุมที่อุรุพงษ์ขัดขวางมิให้มีการส่งอุปกรณ์เครื่องใช้ เช่น เต๊นท์และเครื่องขยายเสียงเข้าไปยังผู้ชุมนุม ในเวลา เดียวกัน รัฐบาลก็ส่งกำลังตำรวจปราบจลาจลจำนวนมากพร้อมด้วยอุปกรณ์เข้ามาคอยทีอยู่ใน กรุงเทพ ฯ และพร้อมที่จะปฏิบัติการ
ถ้าหากว่ารัฐบาลยังยืนกรานที่จะเดินหน้าออกฎหมายนิรโทษกรรมให้ได้กลุ่มต่อต้านต่าง ๆ ก็คงจะยกระดับการชุมนุมต่อต้านเพื่อกดดันรัฐบาล การยกระดับอาจจะเป็นไปในรูปของการปิด ล้อมสถานที่ราชการเพื่อขัดขวางการทำงานของรัฐบาล และถ้าหากเป็นเช่นนั้น รัฐบาลก็คงจะ ตอบโต้และสั่งใช้กำลังตำรวจปราบจลาจล
การปะทะกันระหว่างประชาชนจำนวนแสนกับตำรวจจำนวนหมื่นก็จะเกิดขึ้นและ ลุกลามออกไปทั่วประเทศ กลายเป็นสงครามกลางเมือง ผลก็คือการบาดเจ็บและเสียชีวิตของทั้งสองฝ่าย ดังที่ได้เคยเกิดแล้วในเดือนตุลาคม พ.ศ.2516 เดือนตุลาคม พ.ศ.2519 และใน เดือนพฤษภาคมพ.ศ.2535
ผู้ที่จะยับยั้งมิให้สงครามกลางเมืองเกิดขึ้นได้ในครั้งนี้คือรัฐบาลที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย ถ้า น.ส.ยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทยเชื่อฟังและยอมอยู่ใต้การบัญชาของ(พ.ต.ท.)ทักษิณ และดันทุรังออกกฎหมายนิรโทษกรรม และปราบปรามประชาชนผู้ต่อต้าน สงครามกลางเมืองก็จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอนและไม่ว่าจะสูญเสียมากน้อยเพียงใด ประชาชน ก็จะเป็นฝ่ายชนะ
น.ส.ยิ่งลักษณ์และวงศาคณาญาติ กับสมุนในพรรคเพื่อไทยจะเป็นฝ่ายแพ้ในสงคราม และ ประสบเคราะห์กรรมร้ายแรงอย่างที่คาดไม่ถึง จะต้องพากันหนีหรือถูกเนรเทศออกจากประเทศ ไทยและกลายเป็นกลุ่มสัมภเวสีร่อนเร่อยู่ในต่างประเทศโดยไม่มีกำหนด เช่นเดียวกับ(พ.ต.ท.) ทักษิณ ชินวัตร
ติดตามเฟซบุ๊กร่วมเป็นแฟนเพจแนวหน้าออนไลน์ได้ที่
www.facebook.com/naewnaonline
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี