มก.เปิดฉายาการเมือง
รบ.ลิ้มไพร่-สภาโรงเตี๊ยม
‘สุดซอย’วาทะแห่งปี
ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์(มก.) เมื่อวันที่ 15 ธันวาคมสมาคมรัฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แถลง “ฉายาสถาบันการเมือง” ประจำปี 2556 โดย นายนพพล อัคฮาค ประธานคณะกรรมการจัดกิจกรรมตั้งฉายาสถาบันทางการเมือง ครั้งที่ 4 ประจำปี 2556 กล่าวว่าการตั้งฉายาสถาบัน การเมือง มาจากการเปิดให้สมาชิกเครือข่ายออนไลน์ สมาคมรัฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 2,844 บัญชี เสนอความเห็นฉายาต่างๆ มายังสมาคม และให้คณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกฉายาที่เหมาะสมที่สุด ดังนี้
1.ฉายารัฐบาล “ลิ้มไพร่” ซึ่งคำว่า ลิ้ม ตามพจนานุกรมราชบัณฑิตสถาน แปลว่า กิริยาอิงแอบแนบชิด บิดเบือน มีความหมายว่ารัฐบาลนี้มาแบบอิงแอบแนบชิดกับไพร่ โดยสร้างวาทกรรม“ไพร่” ขึ้นมา แต่พอมาเป็นรัฐบาล การอ้างประโยชน์ประชาชนในการกำหนดและดำเนินนโยบายต่างๆเกิดคำถามว่า สุดท้ายชิ้นปลามันกลับตกไปอยู่กับชนชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็นการจำนำข้าว รถคันแรก โดยกรณีที่ถูกต่อต้านมากที่สุดคือ การออกกฎหมายนิรโทษกรรม ที่ตั้งต้นจากการช่วยเหลือประชาชน แต่ลงท้ายด้วยการจับเป็นตัวประกัน พ่วงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอื่นๆเข้ามา ซ้ำยังลอยแพผู้ได้รับผลกระทบจากประมวลกฎหมายอาญามาตรา112
2.คณะกรรมการประชาชนเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบรณ์ อันมีพระมหากษัจริตทรงเป็นประมุข (กปปส.) ฉายา’ผีบุญ ร.ศ. 232’ แปลว่า กบฏ หมายถึงกลุ่มคนที่คิดและการต่อต้านล้มล้างอำนาจรัฐด้วยกำลัง ต่างจากผีบุญหรือกบฏผู้มีบุญ ซึ่งหมายถึงคนธรรมดาที่อ้างตัวเป็นผู้วิเศษ ชักชวนให้ผู้คนก่อกบฏกับรัฐ ที่เป็นศูนย์กลางอำนาจ การสร้างวาทะกรรมคนดี มีคุณภาพ มีสติปัญญา ต่อต้านคนโกง เหนือกว่าคนไร้คุณภาพขาดสติปัญญาของ กปปส.เพื่อล้มล้างอำนาจรัฐ จนถูกตั้งข้อหาว่า ร่วมกันเป็นกบฏ จึงอาจกล่าวได้ว่ามีลักษณะเกินกว่ากบฏ แต่เข้าข่ายผีบุญร.ศ.232
3.รัฐสภา ได้ฉายา ‘โรงเตี๊ยม’ หมายถึงความวุ่นวายหลายครั้ง ในรัฐสภา ถึงขนาด ส.ส.ทุ่มเก้าอี้ ทำให้ทรัพย์สินเสียหาย เช่นเดียวกับโรงเตี๊ยมในภาพยนตร์จีน ที่รวมจอมยุทธ์จากทั่วสารทิศ บ่อยครั้งที่เกิดการต่อสู้อย่างดุเดือด สิ่งของเครื่องใช้เสียหายก่อนแยกย้ายไปโดยไม่มีผู้รับผิดชอบ
4.ตุลาการ ฉายา ‘ศาลใครฟัง’ หมายถึง การแถลงไม่รับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญต่อกรณีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการได้มาซึ่งวุฒิสภา โดยนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนฯคนที่ 1 นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองประธานสภาฯ คนที่ 2 พร้อมสมาชิกรัฐสภา 312 คน เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นอกจากเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ยังสะท้อนให้เห็นวิกฤติศรัทธาต่อสถาบันตุลาการ ที่ควรได้รับการยอมรับว่าเที่ยงธรรมเช่นเดียวกับศาล ไคฟง แต่กลับถูกตั้งข้อสงสัยและกลายเป็นมาเป็น ”ศาลใครฟัง”ในปัจจุบัน
5.พรรคเพื่อไทยฉายา ‘ปลากระป๋องชาวคอย’ หมายถึง ปัญหาประการสำคัญภายในของพรรคเพื่อไทยรอบปีที่ผ่านมาคือ จำนวนสมาชิกที่มีมากเกินกว่าความสามารถในการจัดสรรผลประโยชน์ ทั้งในรูปตำแหน่งรัฐมนตรี และการส่งลงสมัครรับเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นแบบบัญชีรายชื่อ และแบ่งเขต สำหรับการเลือกตั้งวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ทั้งรัฐมนตรี และผู้สมัครรับการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 สมาชิกบ้านเลขที่ 111 และ 109 แกนนำ นปช.บุคลากรทางการเมืองภายในพรรค ตลอดจนหัวคะแนนในท้องถิ่น ต่างรอการตัดสินใจจากผู้บริหารพรรค เนืองแน่นจนเป็นปลากระป๋องในน้ำซอสสีแดง 6.พรรคประชาธิปัตย์ ได้ฉายา ‘จอมมารต้านโกง’ แปลว่า เบื้องหลังสารพัดการรณรงค์ต้านโกงของพรรคประชาธิปัตย์ เต็มไปด้วยความเคลือบแคลงสงสัยต่อความไม่โกงของผู้รณรงค์เสียเองว่า แท้จริงแล้วพรรคประชาธิปัตย์ มีบาดแผลจากโครงการต่างๆ มากมาย อาทิ ไทยเข้มแข็ง สปก. 4-01 ปรส. นมโรงเรียน เครื่องตรวจวัตถุระเบิดจีที 200 คือ นักบุญผู้มาปลดปล่อยประเทศจากการทุจริตแค่คนธรรมดาที่มีกิเลสตัณหา หรือถึงขั้นจอมมารจำแลงมากันแน่
7.ส่วนพรรคภูมิใจไทย ได้ฉายา ‘ถ่านไฟเก่า’ หมายถึง หลังการสลายตัวของกลุ่มการเมืองจากคดียุบพรรคไทยรักไทย และเกิดการรวมตัวกันใหม่ของกลุ่มเพื่อนเนวิน และกลุ่มมัชฌิมาในชื่อพรรคภูมิใจไทย แม้สถานะตามกฎหมายถือเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้าน แต่ท่าทีของพรรคที่ผ่านมา กลับให้การสนับสนุนฝ่ายรัฐบาลอย่างชัดแจ้ง และกลุ่มมัชฌิมาประกาศลาออกจากพรรคภูมิใจไทย และสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยเมื่อวันที่ 11ธันวาคม2556 8.องค์กรอิสระ ฉายา ‘พระอันดับ’ หมายถึง รอบปีที่ผ่านมาองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการการเลือกตั้ง ผู้ตรวจการแผ่นดิน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน รวมถึงองค์กรอื่นตามรัฐธรรมนูญ ได้แก่ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ล้วนแต่ไม่ได้แสดงบทบาทของตนอย่างชัดเจน เป็นเพียงตัวประกอบให้ครบตามรัฐธรรมนูญเท่านั้น เปรียบเทียบกับพระอันดับที่ไม่มีบทบาทสำคัญในการทำพิธีทางศาสนา
9.กองทัพ กับฉายา ‘เสธ.รอสอย’ หมายถึง รอบปีที่ผ่านมาจะมีผู้เรียกร้อง และสร้างเงื่อนไข ให้กองทัพเข้าแทรกแซงทางการเมือง ซึ่งอาจส่งผลให้ความขัดแย้งสลับซับซ้อนมากขึ้น แต่กองทัพก็ยังสงวนท่าทีให้อยู่ในระยะที่เหมาะสม ด้วยความหวาดระแวงอย่างยิ่งของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง และผู้สนับสนุนว่า “เสธ.” ที่ “รอสอย”อยู่ตลอดประวัติศาสตร์การเมืองไทยนี้จะตัดสินใจละเมิดหลักการระบอบประชาธิปไตยอีกครั้งหรือไม่ 10.ตำรวจฉายา’โปลิสกิจป่วน’หมายถึง ตรงข้ามโดยสิ้นเชิงกับกองทัพตำรวจ เป็นเครื่องมือที่รัฐบาลเลือกใช้ เพื่อรับมือสถานการณ์ต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความปั่นป่วนอันเกิดจากการชุมนุมต่อต้านขับไล่รัฐบาลของ กปปส. ที่ต้องระดมสรรพกำลังจากกองบัญชาการต่าง ๆ เข้ามาผลัดเปลี่ยนการปฏิบัติภารกิจ ซึ่งรับทั้งก้อนอิฐและดอกไม้
นายนพพล กล่าวด้วยว่า สำหรับวาทะแห่งปีคือ ‘สุดซอย’ มาจากคำวิเศษณ์ที่ขยายร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่งเรียกกันจนติดปากว่า เป็น พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอย หรือหมายถึงเอาให้เต็มที่ ถือเป็นหน้าใหม่ของวัฒนธรรมการเมืองไทย ซึ่งที่แล้วมามักเน้นแนวทางการประนีประนอมเป็นสำคัญ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี