ชี้ข้อเสนอผ่าวิกฤติชาติ
“ป๋า”รู้แล้ว!
ทส.แง้มให้รอดูตอนจบ
นายกฯม.7โยนถาม”มีชัย”
พท.ฮือขวางคณะรัฐบุคคล
ซัดกลุ่มอำนาจเก่าโค่นรบ.
“จตุพร”ประกาศเปิดหน้าชน
ความคืบหน้ากรณีคณะรัฐบุคคล นำโดย พล.อ.สายหยุด เกิดผล อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด ยื่นหนังสือเรียกร้องให้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ทูลเกล้าฯพระบรมราชโองการแนวทางแก้วิกฤติประเทศ พร้อมรับสนองพระบรมราชโองการพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทันที ไม่ต้องรอให้เกิดสุญญากาศทางการเมือง
โดย พล.ท.พิศณุ พุทธวงศ์ หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษ ในฐานะนายทหารคนสนิท พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ องคมนตรีและรัฐบุรุษให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 15 เมษายน ในประเด็นนี้ว่า พล.อ.เปรมรับหนังสือหรือไม่ ตนไม่ทราบ แต่คาดว่าพล.อ.เปรมรับรู้เรื่องนี้แล้ว และคณะรัฐบุคคลนี้ ไม่ใช่คณะแรกที่เสนอทางออกประเทศมาให้ พล.อ.เปรม ก่อนหน้านี้ มีหลายกลุ่ม หลายคณะที่เป็นห่วงเป็นใยประเทศชาติต่างเสนอแนวทางมา
แนะอดใจรอยันสุดท้ายต้องจบ
“ขอให้รอดูผลจะออกมาเป็นอย่างไร อดใจรอดูสักนิดและสุดท้ายต้องจบ เพราะบ้านเมืองเกิดปัญหาความขัดแย้งมาหลายปี เชื่อว่าประชาชนทุกคนห่วงบ้านเมือง ไม่มีใครอยากให้เกิดความรุนแรงขึ้นอีก บ้านเมืองเราเสียโอกาส เพราะเผชิญเหตุการณ์วุ่นวายทางการเมืองกว่า10 ปี เมื่อบ้านเมืองถึงทางตัน แนวทางต่างๆ ต้องเชื่อมโยงกันเพื่อแก้สถานการณ์ไม่ให้เลวร้ายลงไปกว่าปัจจุบัน เพราะทุกคนในประเทศนี้อยากให้จบ” พล.ท.พิศณุ กล่าว
“พะจุณณ์”ชี้ให้ไปถาม”มีชัย”
ด้าน พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป อดีตหัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษและนายทหารคนสนิทพล.อ.เปรม กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบเรื่องนี้ ให้รอดูผลจะออกเป็นอย่างไร ไม่อยากให้ความเห็น เพราะไม่ทราบเรื่องกฎหมาย สำหรับประเด็นนายกฯมาตรา 7 นี้ มีการแสดงความเห็นกันไปหลายทิศทางไม่ว่าใครจะพูดอย่างไร ควรไปถามนายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานวุฒิสภา ผู้ที่มีความรู้กฎหมายและเป็นกลางรู้อะไรถูกอะไรผิด แล้วชี้แจงต่อสาธารณชนได้อย่างดี ทุกประเด็นของนายมีชัย มีเหตุมีผล น่าจะเป็นที่พึ่งได้ของบ้านเมืองในเวลานี้
เชื่อวิกฤติคราวนี้ต้องจบ
ส่วนที่วิจารณ์กันว่าในประเทศไทยไม่มีคนเป็นกลางจริงๆ เหลืออยู่แล้ว ตนอยากถามว่าจะเอาคนเป็นกลางที่ด่าสถาบันเป็นคนถูก และเรียกว่าเป็นกลางแล้วหรือไม่ วิกฤติการเมืองครั้งนี้ต้องจบ ต้องใช้เวลานานแล้วความสูญเสียจะน้อย และความชอบธรรมในประเทศจะเกิดขึ้นอย่างชัดเจนจนทุกฝ่ายยอมรับได้อย่างสนิทใจ
พท.โดดขวางข้อเสนอคณะรัฐฯ
ส่วนท่าทีของพรรคเพื่อไทยต่อข้อเสนอของคณะรัฐบุคคลนั้น นายนพดล ปัทมะ กรรมการกิจการพรรคเพื่อไทย ในฐานะคนสนิท พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงข้อเสนอดังกล่าวว่า มีสิทธิคิดได้ แต่ถือเป็นข้อเสนออยู่นอกบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ และไม่มีสุญญากาศทางการเมืองใดๆ ที่จะใช้มาตรา 7ได้
ติงอย่าสร้างเงื่อนไขขวางทางออกปท.
นายนพดล พร้อมระบุด้วยว่า ขณะนี้เป็นเวลาที่กลุ่มบุคคลหรือพรรคการเมือง ต้องไม่ทำตัวเป็นเงื่อนไข หรือยืนขวางทางออกของประเทศ ความพยายามเสนอวิธีการใดๆ เพื่อให้ฝ่ายตนชนะ โดยไม่คำนึงถึงระบบและกติกาตลอดจนความรู้สึกของประชาชน 65 ล้านคน เป็นการฉีกสัญญาประชาคมในการอยู่ร่วมกันและนำไปสู่ความขัดแย้งไม่รู้จบ ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยจะทำหน้าที่อย่างสร้างสรรค์ในกระบวนการประชาธิปไตยและการเลือกตั้ง พร้อมเคารพการตัดสินใจของประชาชน
ซัดจับมืออำนาจเก่ามีนัยล้มรบ.
ขณะที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เห็นว่า เป็นการใช้ช่องทางลัด ร่วมมือกับกลุ่มอำนาจเก่า น่าจะมีนัยล้มรัฐบาล ให้มีรัฐบาลใหม่โดยไม่ฟังเสียงประชาชน อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ กลุ่มคณะรัฐบุคคลไม่ต่างอะไรจากกลุ่มของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.)
ดักคอองคมนตรีไม่ยุ่งการเมือง
“อยากถามว่า การให้พล.อ.เปรมในฐานะประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เสนอร่างพระบรมราชโองการขึ้นทูลเกล้าฯ มีกฎหมายรัฐธรรมนูญรองรับหรือไม่ พล.อ.เปรมเป็นประธานองคมนตรี อยู่เหนือการเมือง จะไปดึงลงมาทำไม เชื่อว่า พล.อ.เปรมคงไม่รับข้อเสนอดังกล่าว เพราะคุณสมบัติองคมนตรีต้องไม่ยุ่งเกี่ยวการเมือง”นายพร้อมพงศ์ระบุ
นัดถกแนวคิด“ชัยเกษม”17เม.ย.
ส่วนกรณีนายชัยเกษม นิติสิริ รมว.ยุติธรรม ออกมาระบุว่าสามารถนำมาตรา 7 มาใช้ได้หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้นายกฯพ้นสภาพ กรณีโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการ สมช.นั้น นายพร้อมพงศ์เผยว่า วันที่ 17 เมษายน พรรคเพื่อไทยจะประชุมคณะกรรมการกิจการพรรคเพื่อไทย เพื่อหารือแนวคิดของนายชัยเกษม แต่เท่าที่พูดคุยเบื้องต้น การเสนอขอใช้มาตรา 7 ไม่ว่าเป็นวิธีใด หรือใครเสนอ ถือว่าไม่ถูกต้องตามระบอบประชาธิปไตย และไม่ใช่ทางออกของประเทศ หากเสนอไปก็มีคนกลุ่มหนึ่งไม่ยอมรับอยู่ดี การที่นายชัยเกษมเสนอแนวคิดดังกล่าว ไม่ใช่เพราะรัฐบาลถึงทางตัน แต่เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวที่อยากช่วยแก้ปัญหาสุญญากาศทางการเมือง
“เรืองไกร”ยันไม่จำเป็นต้องใช้ม.7
ขณะที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทยท้วงติงข้อเสนอแก้ปัญหาวิกฤติประเทศ โดยใช้ช่องทางตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 7 ทั้งของเลขาฯ กปปส.รวมถึงข้อเสนอของนายชัยเกษมว่า ตนไม่เห็นด้วยทั้งสองฝ่าย ถือเป็นเรื่องไม่บังควร เพราะไม่จำเป็นต้องไปถึงขั้นนั้น ถ้าเราทำกฎหมายให้เป็นกฎหมาย ยึดรัฐธรรมนูญ ไม่ทำอะไรผิดเพี้ยน
“ตู่”กร้าวเปิดหน้าท้าชน“ป๋า”
ทางด้าน นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวฝากไปถึงพล.อ.เปรมว่า ตนไม่ทราบว่า ไปพูดคุยตกลงอะไรกันกับคณะรัฐบุคคล แต่ตนขอบอกว่า ไม่ใช่ว่ามีตำแหน่งเป็นประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ก็ไม่มีอำนาจใดๆที่จะเรียกศาล เรียกทหาร และผู้นำทางสังคมมาพูดคุย และเสนอแต่งตั้งนายกฯมาตรา 7 เพราะเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ ที่หลายฝ่ายต้องมาพูดคุยกัน
“ในวันที่พล.อ.เปรม เปิดโอกาสให้ผู้บัญชาการทุกเหล่าทัพเข้ารดน้ำดำหัวเทศกาลสงกรานต์ และพูดกับทหารว่า กองทัพกำลังจะมีงานใหญ่ต้องทำให้สำเร็จนั้น มีนัยยะทางการเมืองหรือไม่ เพราะถ้าเป็นแบบนั้นพวกเราจะลุกขึ้นมาต่อต้าน ถ้าพล.อ.เปรมต้องการทำคุณูปการให้ประเทศไทย ก็ต้องส่งสัญญาณไปที่พล.อ.สายหยุด เกิดผล อดีตผบ.สส.และคณะรัฐบุคคลว่า ไม่มีอำนาจพูดคุยกับศาล ทหาร และผู้นำทางสังคม เพื่อร่างพระบรมราชโองการขึ้นทูลเกล้าฯ เพราะถ้าพล.อ.เปรมไม่หยุดดำเนินการเรื่องดังกล่าว และยังเดินหน้าต่อ คนเสื้อแดงจะต้องเปิดหน้าสู้กับพล.อ.เปรมต่อ”นายจตุพร กล่าว
“ก่อแก้ว”สกัดป๋าตัวกลางเจรจา
ส่วนนายก่อแก้ว พิกุลทอง แกนนำ นปช.กล่าวว่า อยากถาม พล.อ.เปรม ได้รับการยอมรับจากทุกฝ่ายแล้วหรือไม่ และถ้า พล.อ.เปรม มาเป็นคนกลางในการพูดคุยเจรจา คนไทยไม่รับฟังจะทำอย่างไร จึงขอฝากไปยังกลุ่มคณะรัฐบุคคลด้วย และตนก็เชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าว อาจนำมาซึ่งการเสนอให้มีนายกฯมาตรา 7 ด้วย
ปูควงน้องไปป์สรงน้ำพระ
ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม พร้อมด้วยนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ และด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร หรือน้องไปป์ บุตรชาย ร่วมทำบุญสรงน้ำพระพญามังรายมหาราช พระเจ้ากาวิละ พระอินทร์ และท้าวเวชสุวรรณบริเวณลานหน้าวัด จากนั้นได้เข้าสรงน้ำพระภายในวิหาร พร้อมนมัสการและทรงน้ำพระราชเจติยาจารย์ เจ้าอาวาสฯ และพระเถรานุเถระของวัดอีก 4 รูป พร้อมทั้งถวายเพลพระ และอุทิศส่วนกุศลให้บูรพกษัตริย์เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ในอดีต ที่วัดเจดีย์หลวงวรมหาวิหาร อ.เมืองเชียงใหม่
ทั้งนี้ เจ้าอาวาสให้พรข อให้บูรพกษัตริย์ผู้ครองนครเชียงใหม่และสิ่งศักดิ์สิทธ์ปกป้องคุ้มครองนายกฯและผู้ที่มาทำบุญให้แคล้วคลาดอันตรายทั้งปวงและสุขภาพแข็งแรงอย่าได้เจ็บได้ไข้ และมอบพระกิ่งหลวงอินทขิลให้นายกฯและพรมน้ำมนต์
“มาร์ค”ชี้ม.7ยังทำไม่ได้ตอนนี้
สำหรับท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์ต่อข้อเสนอของคณะรัฐบุคคลต่อทางออกประเทศไทย โดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ยังไม่ขอออกความเห็นต่อข้อเสนอของใคร ไม่ว่าทั้งคณะรัฐบุคคลหรือข้อเสนอนายชัยเกษม นิติสิริ รมว.ยุติธรรม เรื่องการใช้รัฐธรรมนูญมาตรา 7 เพราะยังไม่สามารถทำได้ตอนนี้ ตราบใดที่ยังไม่มีสุญญากาศทางการเมืองเกิดขึ้น คือต้องไม่มีนายกรัฐมนตรีรักษาการก่อน เมื่อถึงตอนนั้นก็ควรพูดคุยกันทุกฝ่าย และได้ข้อสรุปที่เห็นพ้องต้องกัน
ซัด“แม้ว”ไม่เลิกคิดนิรโทษกรรม
นายอภิสิทธิ์ ยังแสดงความเห็นกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี สไกป์มาอวยพรปีใหม่เทศกาลสงกรานต์ที่สาขาพรรคเพื่อไทย จ.เชียงใหม่ โดยระบุว่า อยากให้บ้านเมืองสงบ และปีหน้าจะมาอวยพรด้วยตัวเองว่า เป็นการยืนยันว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ยังคิดเรื่องเดิมคือ นิรโทษกรรม ปัญหาบ้านเมืองจึงยังแก้ไม่ได้
เย้ยไม่ยอมรับโทษกลัวไม่ได้เงินคืน
“ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ เชื่อเรื่องการให้อภัย ให้สารภาพผิด สำนึกผิด แล้วจึงขอพระราชทานอภัยโทษ เพราะหลักการให้อภัยคือ ต้องยอมรับผิด มารับโทษ มารับการให้อภัย แต่เชื่อว่า คงจะไม่ทำผมรู้ว่าทำไมคุณทักษิณไม่ยอมรับหลักนี้ เพราะว่าไม่ได้เงิน 46,000 ล้านบาท มันไม่มีประเด็นเรื่องได้เงินคืน ฟันธงง่ายๆ ถึงเป็นปัญหามาหลายปี"นายอภิสิทธิ์ กล่าว
โต้อยากให้ปท.สงบต้องเคารพกม.
เช่นเดียวกับ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการให้บ้านเมืองสงบ ทำได้ทันทีด้วยการเคารพกฎหมาย และการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่าปีหน้าจะกลับมาประเทศไทยมาอวยพรด้วยตัวเอง แสดงว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังต้องการให้มีการนิรโทษกรรมอยู่ตลอดเวลา เชื่อว่าหากพรรคเพื่อไทยกลับมามีอำนาจ ก็จะผลักดันเรื่องนี้อีก ดังนั้น ปัญหาทั้งหมดจึงเกิดจากคนๆหนึ่งที่ไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรมจนทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย
ท้ากลับมาเข้าคุกพรุ่งนี้เลย
ด้าน นายจุฤทธิ์ ลักษณะวิศิษฎ์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์แถลงเพิ่มเติมว่า ขอท้าพ.ต.ท.ทักษิณว่าถ้าอยากให้กฎหมายเป็นกฎหมายให้พ.ต.ท.ทักษิณ มาแสดงความเคารพคำพิพากษาของศาล ด้วยการเดินทางกลับมาประเทศไทย มาเข้าคุกพรุ่งนี้เลย
“ใส”เย้ยแม้วรู้ชะตาปูแบะท่าเจรจา
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวแสดงความเห็นกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ สไกป์มาหาญาติพี่น้องที่เชียงใหม่ แสดงท่าทีพร้อมเจรจาว่า อยากถามพ.ต.ท.ทักษิณว่า จะเจรจากับใคร ศาลรัฐธรรมนูญ หรือคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่จะเจรจาได้ เพราะเป็นระบบไต่สวนความผิด เหมือนคนถูกข้อหาขึ้นศาลแล้วจะไปขอเจรจากับศาล มันเป็นไปไม่ได้ หรือว่าเพราะรู้ชะตากรรมน้องสาวที่อาจเพลี่ยงพล้ำทางการเมือง เลยส่งสัญญาณเจรจา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี