เมื่อเวลา 10.15 น.วันที่ 5 พฤษภาคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งจากพระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี และพระบรมวงศานุวงศ์ ไปยังศาลาราชประชาสมาคม วังไกลกังวล ในการเสด็จออกมหาสมาคมพระราชพีธีฉัตรมงคล ประจำปีพุทธศักราช 2557
ทั้งนี้ ขบวนรถยนตร์พระที่นั่งเคลื่อนออกจากประตูเสด็จด้านหน้าวังไกลกังวล เข้าสู่ถนนเพชรเกษม เลี้ยวขวาเข้าถนนเลียบวัง ซอยหัวหิน 35 ด้านข้างสำนักงานวังไกลกังวล ท่ามกลางพสกนิกรจำนวนมากต่างสวมเสื้อสีเหลืองมาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จฯอย่างเนื่องแน่น เต็มพื้นที่สองฝั่งถนนตลอดเส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน เมื่อขบวนรถยนต์พระที่นั่งเคลื่อนผ่าน ประชาชนพร้อมใจกันเปล่งเสียงถวายพระพร “ทรงพระเจริญ” ดังกึกก้อง และโบกธงชาติ ธงสัญลักษณ์ ภปร.สีเหลืองปลิวไสว ในการนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงโบกพระหัตถ์แย้มพระสรวล ให้พสกนิกรที่รอเฝ้ารับเสด็จฯ ยังความปลาบปลื้มแก่ประชาชนที่ได้มีโอกาสชื่นชมพระบารมีอย่างใกล้ชิด
เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินถึงศาลาราชประชาสมาคม ได้เสด็จขึ้นไปยังท้องพระโรง ชั้น 2 ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ประจำรัชกาล หลังพระแท่นนพปฎลมหาเศวตฉัตร ก่อนประทับยังพระราชอาสน์ เจ้าพนักงานเปิดพระวิสูตร จากนั้นสมเด็จพระราชาคณะถวายศีล พระสงฆ์ถวายพรพระ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรม แด่สมเด็จพระราชาคณะ และพระราชาคณะจนหมด 20 รูป
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา จากนั้นทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยที่เจ้าพนักงานพระราชพิธีเชิญไปถวายยังพระราชอาสน์ ทรงคม เจ้าพนักงานประโคมฆ้องชัย สังข์ แตร ดุริยางค์ ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ยิงปืนใหญ่ เฉลิมพระเกียรติ ฝ่ายละ 21 นัด เจ้าพนักงานปิดพระวิสูตร จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯไปด้านหลังพระแท่นนพปฎลมหาเศวตฉัตร ทรงคมพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ประจำรัชกาล เสด็จฯออกจากท้องพระโรง ศาลาราชประชาสมาคม วังไกลกังวล พร้อมพระบรมวงศานุวงศ์ ก่อนประทับรถยนต์พระที่นั่งเสด็จพระราชดำเนินกลับ พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล ในเวลา 11.02 น.ท่ามกลางพสกนิกรที่ยังเฝ้ารอรับเสด็จเนืองแน่นสองข้างทาง และพร้อมใจเปล่งเสียง “ทรงพระเจริญ” ดังกึกก้อง
จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ ในการสมโภชนพปฎลมหาเศวตฉัตรสิริราชกกุธภัณฑ์ พราหมณ์เบิกแว่น เวียนเทียนสมโภชนพปฎลมหาเศวตฉัตรสิริราชกกุธภัณฑ์ พราหมณ์เจิมนพปฎลมหาเศวตฉัตร โหรผูกผ้าสีชมพู สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงพระสุหร่ายเครื่องราชกกุธภัณฑ์ ที่พระแท่นนพปฎลมหาเศวตฉัตร ก่อนเสด็จฯไปยังที่ประดิษฐานพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ประจำรัชกาล ทรงคม และถวายความเคารพพระราชอาสน์ ก่อนเสด็จพระราชดำเนินกลับ
สำหรับพระราชพิธีวันฉัตรมงคล เป็นวันที่ระลึกการครบรอบปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์แห่งประเทศไทยโดยสมบูรณ์ตามโบราณขัตติยราชประเพณี เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2493 โดยพระราชทานพระปฐมบรมราชโองการ "เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม" และทรงตั้งพระราชสัตยาธิษฐาน ที่จะทรงปกครองบ้านเมืองด้วยทศพิธราชธรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศริมถนนเพชรเกษมด้านหน้าวังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์คราคร่ำไปด้วยพสกนิกรจากทั่วสารทิศที่พร้อมใจกันสวมเสื้อสีเหลืองมารอเฝ้าฯรับเสด็จตั้งแต่เช้าตรู่ หลายคนนอนพักค้างคืนบริเวณฟุตบาธตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ใจจดจ่อรอชื่นชมพระบารมีอย่างใกล้ชิด ขณะที่ทางเทศบาลหัวหิน ได้แจกจ่ายธงชาติไทย และธงตราสัญญาลักษณ์ พระปรมาภิไธรย่อ ภปร.ให้ประชาชนที่มาแสดงความจงรักภักดี เช่นเดียวกับบริเวณถนนข้างวัง ด้านหน้าโรงเรียนวังไกลกังวล ประชาชนมาเฝ้ารอรับเสด็จฯเต็มสองฝั่งถนน แม้สภาพอากาศจะร้อนอบอ้าว แต่ประชาชนยังมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ไม่มีท่าทีอ่อนล้าแต่อย่างใด
ส่วนภายในท้องพระโรง ศาลาราชประชาสมาคม มีพระราชวงศ์ คณะบุคคล บุคคลสำคัญ สมาชิกเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ทั้งฝ่ายหน้าและฝ่ายใน พล.อ.เปรม ตินสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ พร้อมคณะองคมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี พร้อมผบ.เหล่าทัพ ด้านนอกท้องพระโรง มีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของจ.ประจวบคีรีขันธ์และเพชรบุรี กลุ่มชาวบ้านกว่า 1,500 คนรอรับเสด็จฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สอบถามประชาชนที่มาเฝ้าฯรอรับเสด็จฯบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า มีความปลื้มปิติ และประทับใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้ชื่นชมพระบารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถือเป็นมหามงคลอันยิ่งใหญ่ในชีวิต โดยนายศักดิ์ดา สัจจะมิตร อายุ 65 ปี และนางนิรมล สัจจะมิตร อายุ 62 ปี ชาวไทยเชื้อสายอินเดีย ที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมกับชูพระบรมฉายาลักษณ์ไว้เหนือศรีษะว่า ภูมิที่ได้เห็นในหลวงทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง และประทับใจมากเมื่อเห็นทรงโบกพระหัตถ์และแย้มพระสรวลให้ ถือเป็นมหามงคลของชีวิตแล้ว แม้ว่าตนจะมีเชื้อสายอินเดีย แต่ก็รักและเทิดทูนในหลวงเหนือชีวิตเช่นกัน
ขณะที่น.ส.นอนอ โคสินธ์ อายุ 21 ปี ชาวเขาเผ่ากระหร่าง อายู่ ชาวบ้านต.ห้วยสัตว์ใหญ่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ หนึ่งในชาวไทยภูเขาทั้ง 7 เผ่าที่มาเฝ้ารับเสด็จฯกล่าวว่า ก่อนหน้านี้เคยรับเสด็จฯมาแล้วเมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯป่าละอู ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 รู้สึกภูมิใจเมื่อเห็นพระองค์ถือว่าเป็นบุญของตนเองและครอบครัวแล้ว ประทับใจพระองค์ท่าน ที่ทรงรักและเมตตาประชาชนของพระองค์เท่าเทียมกัน แม้ว่าตนจะเป็นชาวเผ่า พระองค์พระราชทานที่ดินทำกิน ทำให้ความเป็นอยู่ดีขึ้น
นางทิพวัลย์ กอสวัสดิ์พัฒน์ ราษฎรอ.หัวหินเผยว่า มารอเฝ้ารับเสด็จฯตั้งแต่ตี 5 เมื่อเห็นพระองค์ท่านแล้วรู้สึกปลาบปลื้มใจเป็นอย่างยิ่ง และรู้สึกว่าพวกเราโชคดีมากที่อยู่ในอ.หัวหิน ครั้งหนึ่งเคยอิจฉาคนที่อื่น แต่มาตอนนี้เราโชคดีที่สุด ทุกครั้งที่ทราบข่าวว่าพระองค์จะเสด็จไปที่ไหน ตนและเพื่อนๆจะมารับ-ส่งเสด็จทุกครั้ง แม้แดดจะร้อนเพียงใดขอเพียงได้เห็นพระองค์ท่านพวกเราก็มีความสุขปลื้มปิติจนน้ำตาไหล อยากให้พระองค์เสด็จออกศาลาราชประชาคมทุกๆครั้งที่เป็นวันสำคัญ ขอพระองค์ทรงพระเจริญ
ด้านนางน้ำทิพย์ ค้าทันเจริญ อายุ 60 ปี นั่งรถเข็นมาถวายพระพร เนื่องจากเป็นอัมพฤกเพราะเส้นเลือดในสมองตีบ เดินทางมาจากจ.ปทุมธานีกับลูกสาวและหลานสาวอายุ 3 ปี 10 เดือน เปิดเผยว่า มารับเสด็จฯเป็นครั้งที่ 2 รู้สึกดีใจและปลาบปลื้มใจมากที่ได้ชื่นชมพระบารมี รักพระองค์ท่านมาก และรักทุกพระองค์ด้วย รู้สึกว่าในหลวงทรงมีพระพักตร์ที่สดใสขึ้น เห็นแล้วก็ดีใจ เห็นพระองค์ทีไรน้ำตาไหลทุกครั้ง ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
เช่นเดียวกับ ข้าราชการและพสกนิกรทุกหมู่เหล่าทั่วประเทศร่วมประกอบพิธีถวายราชสดุดี และร่วมกิจกรรมวันฉัตรมงคลเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่จัดขึ้นพร้อมกันในทุกจังหวัด ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ พร้อมกันนี้ยังเฝ้าชมพระบารมีในหลวงทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยที่ถ่ายทอดสดพระราชพิธีไปทั่วประเทศ