ป้ายโฆษณาเป็นภาษารัสเซีย สะท้อนความนิยมของชาวรัสเซียต่อประเทศไทยที่เพิ่มขึ้น
เป็นปัญหาที่อยู่คู่เมืองท่องเที่ยวอย่างประเทศไทยเราจริงๆ สำหรับ “ไกด์ผี-ไกด์เถื่อน” หรือชาวต่างชาติที่ประกอบอาชีพมัคคุเทศก์โดยไม่ได้รับอนุญาต และในจำนวนนี้ หลายรายมีพฤติกรรมหลอกลวงให้นักท่องเที่ยวซึ่งก็เป็นคนชาติเดียวกันจ่ายเงินให้แล้วจะพาเที่ยว แต่เมื่อถึงเวลานัดก็หายตัวไปดื้อๆ
ขณะที่บางรายมีพฤติกรรมข่มขู่ บังคับให้ต้องซื้อสินค้าในราคาแพงเกินจริง หรือไปดูโชว์ลามกอนาจาร โดยมีการแบ่งผลประโยชน์กันระหว่างไกด์เถื่อนกับร้านค้าเหล่านั้น ล่าสุดเมื่อ 17 ส.ค. 2557 กลุ่มไกด์ไทยที่ประกอบอาชีพอย่างถูกกฎหมาย รวมตัวประท้วงหน้าพระบรมมหาราชวัง (วัดพระแก้ว) เรียกร้องให้ทางการเอาจริงเอาจังกับไกด์เถื่อนชาวจีน พร้อมทั้งระบุด้วยว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐบางรายเข้าไปมีเอี่ยวด้วย
เช่นเดียวกับที่เมืองพัทยา อดีตไกด์ที่หันมาเปิดบริษัททัวร์รายหนึ่ง เล่าถึงพฤติกรรมของไกด์เถื่อน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นชาวรัสเซียและจีนว่า แม้เจ้าหน้าที่รัฐฝ่ายไทยจะพยายามกวาดล้างมาโดยตลอด แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เพราะมีไกด์ชาวไทยบางส่วน “ทิ้งศักดิ์ศรี” ในวิชาชีพของตน ไปเป็น “ร่างทรง” ให้กับบริษัททัวร์ต่างชาติที่เลือกใช้ไกด์เถื่อน ซึ่งมีศัพท์ไนวงการว่า “ไกด์ซิทติ้ง” โดยไกด์ไทยกลุ่มนี้ไม่ต้องทำอะไร นอกจากเป็น “ยันต์กันภัย” เมื่อเจ้าหน้าที่มาตรวจเท่านั้น ส่วนการนำเที่ยว ไกด์เถื่อนชาวต่างชาติจะรับหน้าที่ทั้งหมด
“ชาวต่างชาติพวกนี้มาในนามของบริษัท แต่คุณไม่มีสิทธิ์เป็นไกด์นะเพราะไม่มีใบอนุญาต คือบริษัทไม่เถื่อน เขาจดทะเบียนถูกกฎหมาย แต่เขาใช้คนของเขา ทั้งที่กฎคือคุณต้องจ้างไกด์คนไทยเขาก็บอกว่าจ้างก็ได้ แต่จ้างเป็นไกด์ซิทติ้ง มันคิดได้ 2 มุมนะ ถามว่ามีศักดิ์ศรีไหม? ไม่มีศักดิ์ศรีของไกด์เลย แต่เพื่อปากท้องต้องทำไหม? ก็ต้องทำ
ไกด์ซิทติ้งคือคุณไปนั่งเฉยๆ เวลาตำรวจมาถาม เขา (ไกด์เถื่อน) ก็ชี้แล้วตอบว่า..นั่นไงไกด์ ฉันเปล่านะ ฉันแค่นักท่องเที่ยวเท่านั้น ไม่ได้เป็นไกด์..นั่นคือการเลี่ยงกฎหมาย พวกนี้หาคนไทยกันให้วุ่น จ้างคนละพัน คนละพันห้า เอาไปทำอะไร? เป็นไกด์ซิทติ้ง เดินตามต้อยๆ เหมือนอะไรก็คิดเอา”อดีตไกด์รายนี้ ระบุ
สอดคล้องกับความเห็นของ นายสินธิ์ไชย วัฒนศาสตร์สาทร นายกสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวพัทยา อีกพื้นที่หนึ่งที่ไกด์เถื่อนระบาดหนัก ที่มองว่า คนกลุ่มนี้อาจแบ่งได้ 2 ประเภท คือ 1.กลุ่มที่มีบริษัทนำเที่ยวอยู่เบื้องหลัง โดยจ้างเพื่อนร่วมชาติให้เดินทางเข้ามาเป็นไกด์เถื่อนในคราบนักท่องเที่ยว กับ 2.กลุ่มที่ทำงานเองโดยลำพัง คนกลุ่มนี้หลายรายอาจเติบโตมาจากพวกแรก ที่เมื่อทำงานกับบริษัททัวร์ไปสักระยะหนึ่ง เริ่มรู้จักลู่ทางในเมืองไทย ก็หันมารับงานเปิดทัวร์ด้วยตนเอง
เมื่อถามว่าเหตุใดไกด์เถื่อนเหล่านี้ถึงได้รับความนิยมมาก นายกสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวพัทยา ระบุว่า อาจเป็นเพราะ 2 สาเหตุหลักเช่นกัน คือ 1.ราคาถูก เพราะบริษัททัวร์ที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายนั้นย่อมมีต้นทุนสูงในระดับหนึ่ง ขณะที่ไกด์เถื่อนนั้นต้นทุนถูกกว่ามาก ค่าบริการของไกด์เถื่อนจึงถูกกว่าไกด์ถูกกฎหมายไปโดยปริยาย และ 2.ภาษา ซึ่งการใช้ภาษาเดียวกับนักท่องเที่ยว อารมณ์ของการสื่อสารจะเข้าถึงมากกว่า ทว่าชาวรัสเซียและจีนส่วนใหญ่ไม่นิยมใช้ภาษาอังกฤษ ขณะเดียวกันคนไทยที่ใช้ภาษาดังกล่าวได้อาจมีไม่เพียงพอ
“ทัวร์รัสเซีย หรือแม้แต่ทัวร์จีน เขาพยายามใช้ไกด์ที่พูดภาษาของเขาเอง เขาบอกมาว่าคนไทยมีคนที่พูดภาษาเขาได้ไม่เพียงพอ เลยต้องใช้ไกด์ของเขาเอง แต่ฝั่งคนไทยก็บอกว่าของเขามีพอ ทำไมไม่จ้าง?” คุณสินธิ์ไชย กล่าว
เช่นเดียวกับ พล.ต.ต.อภิชัย ธิอามาตย์ ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว ที่ยอมรับว่าปัญหานี้ไม่อาจแก้ได้ง่ายๆ เนื่องจากคนไทยที่เชี่ยวชาญภาษารัสเซียและจีนยังมีไม่มากนัก เมื่อเทียบกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มสูงขึ้น ในเบื้องต้นจึงทำได้เพียงกวดขันให้ทัวร์ต่างๆ ต้องมีไกด์คนไทยที่มีใบอนุญาตถูกต้องร่วมเดินทางไปด้วยเท่านั้น แต่หากจะแก้ให้ได้ในระยะยาว ต้องหาทางพัฒนาศักยภาพคนไทย ให้สามารถใช้ 2 ภาษาดังกล่าวได้อย่างชำนาญ
“บางครั้งไกด์ไทยก็พูดภาษาจีนได้ไม่ค่อยแข็งแรง เขาก็ต้องใช้คนจีนมาช่วยแปลให้อีกที แต่อย่างน้อยก็มีมัคคุเทศก์หลักที่มีใบอนุญาตประจำกรุ๊ปทัวร์อยู่ ต้องยอมรับว่าไกด์เราเองที่พูดภาษาจีนได้มีน้อย ภาษารัสเซียเองคนไทยที่พูดได้ก็มีไม่ค่อยเยอะเหมือนกัน คือมันเป็นข้อจำกัด
ดังนั้นถ้ามีไกด์จริงๆ อยู่ เราก็พออนุโลมให้ได้ คือขอให้มีไกด์ที่มีบัตรมัคคุเทศก์อนุญาตประจำอยู่ ส่วนจะมีชาวต่างชาติเป็นผู้ช่วยยังไงก็ยังได้ แต่ถ้าจะแก้กันจริงๆ กลุ่มมัคคุเทศก์ไทยต้องเพิ่มความรู้ทางภาษาให้มากขึ้นอีก คือไกด์เราก็ต้องพัฒนา” พล.ต.ต.อภิชัย ให้ความเห็น
อีกด้านหนึ่ง น.ส.ธนรัสย์ ศรีหิรัญ มัคคุเทศก์และผู้ประกอบการบริษัทนำเที่ยวรายหนึ่งในเมืองพัทยา กล่าวว่า บางภาษา เช่น รัสเซียและจีนนั้นยากมากสำหรับคนไทย ขณะที่หลักสูตรอบรมระยะสั้น (ใช้เวลา 3-7 วัน) ที่หน่วยงานภาครัฐจัดให้ ไม่เพียงพอที่จะทำให้มัคคุเทศก์ชาวไทยสื่อสารได้ดีเท่าที่ควร ดังนั้นหากเป็นไปได้ อยากให้เป็นหลักสูตรระยะยาว (ประมาณ 3 เดือน) น่าจะดีกว่า
“พวกพี่ก็อยากเรียนนะ แต่มันเป็นคอร์สสั้นๆ 3 วัน 5 วัน 7 วัน มันไม่ได้อะไร อย่างภาษารัสเซียเป็นภาษาที่ยากมาก น่าจะยากที่สุดในโลก เข้าใจว่าอบรมยาวๆ มันไม่ง่าย แต่ถ้า 3 เดือนขึ้นไปได้ก็น่าจะดี เหมือนเวลาไปเรียนภาษาอังกฤษ เรียน 3 วัน 7 วัน คิดว่ารู้เรื่องหรือเปล่า? มันไม่ได้หรอก” คุณธนรัสย์ ฝากทิ้งท้าย
แม้กฎหมายของไทย อย่าง พ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ.2551 (มาตรา 49-51) จะระบุว่า ผู้ที่จะเป็นไกด์ต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทยและต้องยื่นขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ซึ่งผู้ฝ่าฝืน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (มาตรา 84) แต่หากมองในแง่ความเป็นจริง ต้องยอมรับว่าคนไทยที่ใช้ภาษารัสเซียและจีนได้ดียังมีไม่มากนัก ซึ่งอาจเป็นเพราะทั้ง 2 ภาษายังถือว่าใหม่กับสังคมไทย
เช่น ภาษาจีนเพิ่งจะได้รับความนิยมในหมู่คนไทยในช่วง 10 ปีล่าสุดนี้เองเท่านั้น ขณะที่ภาษารัสเซียยิ่งถูกพูดถึงน้อยลงไปอีกเมื่อเทียบกับภาษาต่างประเทศอื่นๆ เช่น ภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส หรือญี่ปุ่น ที่หยั่งรากลึกในหลักสูตรตามสถาบันการศึกษาต่างๆ ของไทยมาหลายสิบปีจนคนไทยค่อนข้างคุ้นเคย ซึ่งสวนทางกับจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งรัสเซียและจีนที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากทั้ง 2 ชาติเพิ่งผ่านการปฏิรูปเศรษฐกิจ ส่งผลให้ประชากรมีกำลังซื้อสูงขึ้น และมีรายได้เพียงพอที่จะเดินทางเข้ามาพักผ่อนในประเทศไทย
เป็นโจทย์ใหญ่ที่หน่วยงานผู้เกี่ยวข้องต้องเร่งแก้ หากต้องการจะ “ปราบผี” เหล่านี้ให้ได้อย่างสิ้นซาก!!!
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี