ในห้วงที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ “คสช.” ขึ้นกุมชะตาประเทศ อาจกล่าวได้ว่าคลื่นลมทางการเมืองดูจะสงบเงียบ แกนนำฝ่ายต่างๆ โดยเฉพาะจากฝ่ายแดง “วีระ-เหวง-เต้น-ตู่” คล้ายจะหายเข้ากลีบเมฆ แต่ในความสงบของแกนนำระดับคนดัง กลับปรากฏความเคลื่อนไหวที่น่าจะสร้างความรำคาญใจให้ คสช. โดยเฉพาะ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. และนายกรัฐมนตรี ไม่น้อย
เป็นความน่ารำคาญที่เกิดจาก “กริชสุดา คุณะแสน” หรือ “เปิ้ล สหายสุดซอย” ผู้หาญกล้าท้ารบ “ผู้มีอำนาจ” ด้วยสารพัดวิธี ทั้งโพสต์คลิปปล่อยข่าว ก่นด่า ปรามาส “บิ๊กตู่” และคณะทำงานอยู่เนืองๆ!!!
ในข้อเท็จจริงชื่อของ “เปิ้ล กริชสุดา” เหมือนจะเงียบหายไปแล้ว ก่อนจะกลับมาปรากฏตามสื่ออีกครั้ง เมื่อมีชื่อพัวพันกับการ “จ่ายเงิน” ให้ “ชายชุดดำ”ชุดที่ใช้อาวุธสงครามยิงถล่มใส่เจ้าหน้าที่จากเหตุการณ์ชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง เมื่อเดือนเมษายน 2553 ที่บริเวณแยกคอกวัว จนเป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต จำนวนมาก หนึ่งในนั้น คือ พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม อดีตรองเสนาธิการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์(พล.ร.2 รอ.)
ว่ากันถึง “เปิ้ล สหายสุดซอย” ก่อนเข้าสู่เส้นทางการเมืองถือว่า “โลว โปรไฟล์” ไม่ค่อยมีคนรู้จักชีวิตส่วนตัวเธอมากนัก รู้เพียงว่าเป็นชาว จ.ชลบุรี ลืมตาดูโลกเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2530 สำเร็จการศึกษาจาก ม.รามคำแหง และเป็นผู้หญิงที่ชอบเล่น “ปืน” มีความรู้เรื่องอาวุธปืนในระดับหนึ่ง
“เส้นทางการเมือง” ของเธอ ช่วงเริ่มแรกก็ถือว่าโลว โปรไฟล์ ไม่ได้หวือหวาอะไร โดยเธอเริ่มเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่แยกราชประสงค์เมื่อปี 2553 ซึ่งขณะนั้นเธอมีอายุเพียง 23 ปี กำลังเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 3 โดยได้รับคำชักชวนจาก “เมย์ อียู” หรือ มนัญชยา เกศแก้ว แกนนำกลุ่มแดงอิสระ ที่รู้จักและสนิทสนมกันจากการทำกิจกรรมใน ม.รามคำแหง
“เมย์ เห็นว่า เปิ้ล พูดจาฉะฉาน มีหลักการ จึงชวนมาเป็นเลขาฯส่วนตัว และร่วมกันเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยบางครั้ง เปิ้ล ก็ได้ขึ้นเวทีปราศรัยปลุกเร้ามวลชน ทำให้รู้สึกฮึกเหิม เห็นว่าตัวเองมีความสำคัญมากขึ้น ที่สำคัญก็ได้อัพเกรดตัวเองในสายตานายใหญ่” สายข่าวจากหน่วยงานด้านความมั่นคง ให้ข้อมูล
แม้ “เปิ้ล” จะมีโอกาสได้ขึ้นปราศรัยบนเวทีคนเสื้อแดงบ้าง แต่ก็ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก จนหลังเหตุการณ์ทางการเมืองปี 2553 เธอก็เข้ามาเป็นอาสาสมัครในมูลนิธิเยียวยานักโทษการเมืองของคนเสื้อแดง เพื่อให้ความช่วยเหลือเพื่อนร่วมอุดมการณ์ในเรือนจำ พร้อมๆ กับรับหน้าที่ประสานงานอื่นๆ ในทางลับ
สายข่าวจากหน่วยงานด้านความมั่นคง ให้ข้อมูลว่า “จากแนวทางการสืบสวน พบว่า เปิ้ล ในฐานะเลขาฯส่วนตัว น่าจะได้รับมอบหมายจาก เมย์ ให้ทำหน้าที่ประสานงาน และแจกจ่ายเงินให้กับ 1.ชายชุดดำ ที่ก่อเหตุในแต่ละพื้นที่ 2.แนวร่วมคนเสื้อแดงในพื้นที่ต่างๆ และ 3.กลุ่มคนเสื้อแดงที่โดนคดีและหลบหนีไปต่างประเทศ ซึ่งการแจกจ่ายเงินแต่ละครั้งจะมีรายละเอียดบัญชีและใบเสร็จเก็บไว้เป็นหลักฐานว่ามีการจ่ายเงินจริง และก่อเหตุจริง เพื่อนำส่งให้ เมย์ นำไปแสดงเป็นหลักฐานต่อนายใหญ่ต่อไป”
ข้างต้น คือ หน้าที่ของ “กริชสุดา” ที่ทำให้หน่วยงานด้านความมั่นคง สันนิษฐานว่าเธอน่าจะมีส่วนรู้เห็นกับการก่อความไม่สงบทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมาทุกขั้นตอนหรือไม่???
ด้วยภาระหน้าที่ดังกล่าวทำให้ “เปิ้ล” เริ่มถูกจับตาจากหน่วยงานด้านความมั่นคง แต่ในวงสังคมเธอก็ยังโลว โปรไฟล์อยู่ดี จนเมื่อ คสช.ยึดอำนาจการปกครองประเทศ และวันที่ 28 พฤษภาคม ที่ผ่านมา กำลังทหารได้เข้าค้นบ้านของ “เมย์” ที่ ต.แสนสุข อ.เมือง จ.ชลบุรี พร้อมควบคุมตัว “กริชสุดา” ที่อยู่ในบ้านหลังดังกล่าวไปสอบสวน
ตรงจุดนี้นี่เองที่ทำให้ชื่อของ กริชสุดา เริ่มถูกจับจ้องและปรากฏผ่านสื่อมากขึ้น เพราะเธอถูกควบคุมตัวเกิน 7 วัน และมีข่าวลือว่าเสียชีวิตแล้ว จนวันที่ 23 มิถุนายน ที่ผ่านมา “กริชสุดา” ได้ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ ททบ.5 ยืนยันว่าเธอขออยู่ในค่ายทหารต่อ หลังถูกควบคุมตัวครบ 7 วัน เพราะอยู่สุขสบายดี ไม่มีใคร “ทรมาน” จนวันที่ 24 มิถุนายน ที่ผ่านมา เธอก็ได้รับการปล่อยตัว และลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศ
“กริชสุดา เริ่มได้รับความสำคัญจากเครือข่ายมากขึ้น เห็นได้จากการที่เธอได้รับการช่วยเหลือให้หลบหนีออกนอกประเทศ เหมือนแกนนำสำคัญคนอื่นๆ และตรงนี้มีข้อสงสัยว่าเธอเล็ดลอดสายตาเจ้าหน้าที่ไปได้อย่างไร โดยเฉพาะการเดินทางไปในประเทศแถบยุโรปโดยไม่มีวีซ่า ทั้งๆ ที่ประเทศแถบนี้จะเคร่งครัดเรื่องพวกนี้มาก จึงมองได้ว่ามีการดำเนินการเป็นขบวนการ ช่วยเหลือกันเป็นทอดๆ” สายข่าวจากหน่วยงานด้านความมั่นคง ให้ข้อมูล
หลังจากนั้นชื่อของ “กริชสุดา” ก็เริ่มคุ้นหู เมื่อเธอเริ่ม “ปฏิบัติการป่วน” ด้วยการ “พลิกลิ้น” อ้างว่า ถูกทำร้ายในช่วงที่ถูก คสช.ควบคุมตัว, ถูกออกหมายจับ ในข้อหาร่วมกันมีอาวุธสงครามไว้ในครอบครอง หลังผู้ต้องหารายหนึ่งที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการถล่มการชุมนุม กปปส.อ้างว่า “กริชสุดา” จัดหาอาวุธมาให้ จากนั้นก็มาถูก 5 “ชายชุดดำ” ชุดถล่มแยกคอกวัว อ้างว่าได้รับเงินค่าจ้างมาจากเธอ ซึ่งตำรวจยืนยันว่ามีหลักฐานชัดเจน
นอกจากไม่เพียงปฏิเสธแล้ว เธอยังตอกกลับแบบแสบๆ คันๆ ว่า พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ุม่วง ว่าที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) และคณะ “จับแพะ” และไล่ให้ไปปราบยาเสพติด หรือคดีข่มขืน ดีกว่าจะมาไล่จับเธอที่เป็นผู้บริสุทธิ์
ล่าสุดเพจเฟซบุ๊คแนวร่วมขบวนการเสรีไทยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นสช. ได้เผยแพร่ภาพเธอยืนโพสท่าถ่ายรูปหน้าสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ระหว่างไปให้ปากคำเรื่องอ้างว่าถูก คสช. “ทรมาน” พร้อมให้ข้อมูลต่อยูเอ็นอ้างว่า คสช.คุกคาม และ “อุ้ม” คนเสื้อแดง
นี่เป็น “ปฏิบัติการป่วน” ล่าสุดของ “กริชสุดา” ซึ่งน่าจะสร้างความรำคาญใจให้กับ คสช.และ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่น้อย ไม่เช่นนั้น “ซูเปอร์นายกฯ” คงไม่หลุดคำเรียกขานเธอว่า “อีนี่” ในที่ประชุมมอบนโยบายรัฐบาลให้แก่หัวหน้าส่วนราชการ เมื่อวันที่ 17 กันยายน ที่ผ่านมา เป็นแน่
ถึงจุดนี้ต้องบอกว่า “กริชสุดา” ที่เริ่มต้นจากสาวแสบ “โลว โปรไฟล์” ขยับขึ้นมาเป็น “ตัวป่วน” ที่สังคมหันมาจับจ้องมากขึ้นแล้ว ซึ่ง คสช.และ “บิ๊กตู่” จะปล่อยไว้ก็ไม่ได้ ครั้นจะไล่จับก็ยังไม่เห็นวี่แวว ทำให้เธอกลายเป็นดั่ง “ก้างตำคอ” ที่จะกลืนก็ไม่เข้า จะคายก็ไม่ออก อยู่ในเวลานี้
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี