ประเทศไทยเป็นประเทศที่ใช้งบประมาณการศึกษาต่อปีค่อนข้างมาก เฉลี่ยปีละ 4-5 แสนล้านบาท ทว่าผลที่ได้กลับตรงกันข้าม เพราะปัญหาเดิมๆ อย่างความเหลื่อมล้ำระหว่างโรงเรียนชั้นนำกับโรงเรียนทั่วไป ยังไม่เห็นวี่แววว่าจะแก้ได้ ตรงกันข้ามช่องว่างนี้มีแต่จะขยายมากขึ้นเรื่อยๆ แต่นี่ไม่ใช่แค่ปัญหาของไทยเพียงชาติเดียว ประเทศกำลังพัฒนาหลายประเทศก็เป็นแบบเดียวกัน จึงเกิดแนวคิด “เรียนทางไกลออนไลน์” ขึ้นมา และใช้ได้ผลดีมาแล้ว
ศ.ดร.วิลาศ วูวงศ์ อดีตรองอธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) ปัจจุบันดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัย
เอเชี่ยน (Asian University) จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มนำระบบ “มูค” (Massive Open Online Course-MOOC) เข้ามาใช้ในการศึกษาของไทย ในชื่อของ “เอเชี่ยน ยู เอ็กซ์” (Asian U X) อธิบายว่า มูคคือระบบการเรียนออนไลน์ ที่เปิดให้ผู้สนใจเข้ามาเรียนพร้อมกันได้เป็นจำนวนมาก โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
อาจารย์วิลาศ เล่าต่อไปว่า ตัวอักษรเอ็กซ์หลังชื่อมหาวิทยาลัยเอเชี่ยน มาจากโปรแกรมชื่อ “เอ็ด เอ็กซ์” (Ed X) ซึ่งเป็นโปรแกรมฟรีที่เปิดโอกาสให้ผู้สนใจนำไปพัฒนาต่อได้ และใช้กันทั่วโลก ขณะที่ในส่วนของ ม.เอเชี่ยน ได้ทดลองใช้โปรแกรมดังกล่าว สร้างหลักสูตรออนไลน์ขึ้นมา 6 หลักสูตร (ผู้สนใจเข้าไปดูได้ที่เว็บไซต์ https://asianux.academy/) ประกอบด้วย
1.ภาษาอังกฤษระดับ A2, 2.ภาษาอังกฤษระดับ B1 ทั้ง 2 หลักสูตรใช้การรับรองมาตรฐานของ Common European Framework of Reference for Languages หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า “CEFR” ซึ่งเป็นเกณฑ์การทดสอบทักษะภาษาอังกฤษมาตรฐานยุโรป และปัจจุบันครูสอนภาษาอังกฤษในไทยต้องผ่านเกณฑ์นี้ มีทั้งสิ้น 6 ระดับ ตั้งแต่ A1-C2
3.ภาษาอังกฤษสำหรับการสอนวิทยาศาสตร์, 4.ภาษาอังกฤษสำหรับการสอนคณิตศาสตร์ 2 หลักสูตรนี้สำหรับผู้สนใจอยากเพิ่มพูนความรู้ภาษาอังกฤษที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์โดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังมีอีก 2 หลักสูตรที่น่าสนใจ คือ 5.คณิตศาสตร์ข้างถนน (Street Math) ซึ่งรวบรวมวิชาคณิตศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันโดยตรง เช่น การคิดต้นทุน-กำไร อัตราส่วน ดอกเบี้ย การวางแผนการเงิน ฯลฯ มาสอนอย่างเข้าใจง่าย
และ 6.เรื่องของไวน์ (Wine Oenology) ด้วยความที่การท่องเที่ยวเป็นภาคเศรษฐกิจอันดับ 2 ของไทยรองจากภาคอุตสาหกรรม ขณะที่ไวน์ก็เป็นเครื่องดื่มระดับพรีเมียมที่ใช้เสิร์ฟในงานเลี้ยงหรูหราตามโรงแรมต่างๆ หลักสูตรนี้จึงออกแบบมาเพื่อเสริมความรู้ของบุคลากรภาคท่องเที่ยวโดยเฉพาะ
เมื่อสมัครลงทะเบียนเรียนแล้ว จะมีตารางแนะนำว่า แต่ละสัปดาห์ควรจะเรียนเรื่องใดบ้าง ซึ่งในแต่ละบท จะมีทั้งคลิปวีดีโอสั้นๆ ที่นำเสนอคล้ายสารคดี ทำให้ดูไม่น่าเบื่อ มีแบบฝึกหัดพร้อมเฉลยวิธีคิด มีกระดานข่าว(Forum) ให้ผู้เรียนได้สนทนากันถึงเรื่องที่เรียน เป็นการสร้าง “ชุมชนแห่งการเรียนรู้” ช่วยกันสอนช่วยกันติวเพื่อน
ขณะเดียวกัน ยังมีการนัดวัน-เวลาสนทนากันสดๆ กับอาจารย์ผู้สอนด้วย เช่น อาจารย์ผู้สอนอาจกำหนดว่า จะมีการสอนสดทุกๆ วันจันทร์, พุธ, ศุกร์ เวลา 13.00-14.00 น. ผู้สนใจและว่างในเวลานั้น ก็สามารถเข้ามาฟังพร้อมกับพูดคุยกับผู้สอนได้ เป็นต้น
อาจารย์วิลาศ อธิบายต่อไปว่า ทั้ง 6 หลักสูตร สอนเป็นภาษาอังกฤษ ที่เป็นเช่นนี้เพราะต้องการให้ผู้เรียนไม่ว่าหลักสูตรใดก็ตามได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษไปด้วย เพราะสำหรับยุคนี้ หากใครใช้ภาษาอังกฤษได้ดี ความรู้แทบทุกเรื่องบนโลก เขาสามารถค้นหาจากโลกออนไลน์ได้ทั้งสิ้น
“ทำไมผมถึงว่าภาษาอังกฤษสำคัญ? ถ้าเด็กเราภาษาอังกฤษเก่งนะครับ แทบไม่ต้องพึ่งครูเลย ถ้าฟังภาษาอังกฤษได้ก็เปิดยูทูบ(Youtube) หรือเปิดฟังของฮาร์วาร์ด (Harvard University-USA) หรือเอ็มไอที (Massachusetts Institute of Technology-USA) ได้เลย” อธิการบดี ม.เอเชี่ยน กล่าว
ระบบนี้นำมาประยุกต์กับการศึกษาไทยได้อย่างไร? อาจารย์วิลาศ ยกตัวอย่างการเรียนขั้นพื้นฐาน 12 ปี ตั้งแต่ประถมปีที่ 1-มัธยมปีที่ 6 ซึ่งมีทั้งสิ้น 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ หากสามารถหาครูที่ทั้งเก่งและมีจิตอาสาของแต่ละกลุ่มฯ มารับหน้าที่สอนออนไลน์นี้ได้พร้อมกับลงทุนเพิ่มเรื่องระบบอินเตอร์เนตความเร็วสูงเพิ่ม เท่านี้แม้แต่โรงเรียนที่อยู่ห่างไกล ก็สามารถได้รับความรู้แทบไม่ต่างจากโรงเรียนที่อยู่ในเมือง เป็นการลดความเหลื่อมล้ำได้อีกทางหนึ่ง
“เอาครูที่มีคุณภาพ แต่ไม่ใช่ครูที่เน้นการค้านะครับ สมมุติผมให้ไปเลยเต็มที่ วิชาละหนึ่งล้านบาท เรามี 8 สาระวิชา มี 12 ชั้น
ก็ 96 วิชา เท่าไรครับ? 96 ล้านบาท ผมขอแค่ปีละ 150 ล้าน 96 วิชา ตีซะ 100 ล้าน อีก 50 ล้าน เอาไปทำระบบ นี่คือขอเศษนะครับ เราทำได้ เรายกระดับการศึกษาของประชาชนจำนวนมาก เป็นแสนคนได้”
อธิการบดี ม.เอเชี่ยน ฝากทิ้งท้าย พร้อมกล่าวเสริมว่า ในอนาคตคงจะเห็นมหาวิทยาลัยอื่นๆ จะให้ความสนใจพัฒนาหลักสูตรออนไลน์ทำนองนี้ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษบ้าง
เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงความรู้ได้อย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม!!!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี