“ทิ้งไม่เลือกที่” ยังคงเป็นภาพที่ชินตาในสังคมไทย ชี้ให้เห็นถึงความ “มักง่าย” แม้จะรณรงค์กันก็แล้ว หรือในยุคหนึ่งที่มีการจับปรับก็แล้ว แต่ทุกอย่างไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง วันนี้ไม่ว่าเราจะไปที่ไหน เชื่อเหลือเกินว่าต้องเห็นเศษขยะทิ้งอยู่ตามพื้นบ้าง ซอกมุมต่างๆ บ้าง หรือแม้กระทั่งในลำคลอง-ท่อระบายน้ำ จนไปอุดตันทางไหลของน้ำ เป็นสาเหตุสำคัญของน้ำท่วมขังในเขตเมือง โดยเฉพาะใน กทม. และที่น่าห่วง คือการทิ้งก้นบุหรี่ที่ยังไม่ดับ ซึ่งอาจไปสัมผัสกับวัสดุที่เป็นเชื้อเพลิง จนเกิดไฟลุกไหม้ได้
“อุไร” พนักงานกวาดขยะสังกัดกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ตนรับผิดชอบนั้นอยู่ฝั่งธนบุรี ซึ่งบริเวณที่งานหนักจะอยู่แถวมหาวิทยาลัยหรือพื้นที่ใกล้ห้างสรรพสินค้า เนื่องจากคนพลุกพล่าน โดยสิ่งที่พบเห็นเป็นประจำ คือขยะที่มีผู้คนนำไปซุกไว้ตามโคนต้นไม้บ้าง รูเสาไฟฟ้าบ้าง ทำให้ต้องเสียเวลาล้วงดึงออกมาอยู่พอสมควร
รวมไปถึงพฤติกรรม “สุดเกรียน” ของวัยรุ่นวัยคะนอง ชอบแข่งกันโยนขยะจากระยะไกลให้ลงถัง ราวกับว่ากำลังแข่ง “ชู้ตจุดโทษ” ในกีฬาบาสเก็ตบอล ซึ่งเอาเข้าจริงๆ มักจะโยนไม่ลง และปัญหาคือถ้าไม่ลงแล้วเดินมาเก็บไปทิ้งในถังก็คงไม่เป็นอะไร ทว่าส่วนใหญ่เมื่อโยนไม่ลงถังแล้วก็เดินหนีไปเลยโดยไม่สนใจ
เป็นภาระของบรรดาลุงๆ ป้าๆ คนกวาดถนน ที่หลายคนก็อายุอานามไม่น้อย..ต้องมาตามเก็บตามกวาด!!!
“บางคนทิ้งไว้ตามโคนต้นไม้บ้าง ยัดไว้ตามรูหรือซอกเสาไฟฟ้าบ้าง มันจะเสียเวลาดึงเอาเศษขยะออกจากซอก บางทีซอกมีขนาดเล็กคนเรายังเอาเปลือกลูกอมหรือถุงขนมยัดเข้าไปในนั้นได้อีก มันจึงทำให้เราเหนื่อยกว่าเดิมทั้งที่มีถังขยะวางไว้แต่ก็ยังทิ้งกันเกลื่อนไปหมด
ฉันเคยเห็นคนบางกลุ่มโยนเล่นขยะให้ลงถังแข่งกันกับเพื่อน แต่ถ้าโยนลงถังก็ดีไป ซึ่งส่วนใหญ่โยนกันไม่ค่อยลงอยู่แล้วเพราะอยู่ไกลเกินไปและถังขยะช่องเล็กนิดเดียว เขาเหล่านั้นเมื่อโยนเสร็จก็จะเดินเลยไป ไม่ได้หันมาสนใจซักนิดว่าขยะนั้นลงถังหรือไม่ แต่เมื่อเราไปพูดกับเขา พวกเขาก็มองแต่ไม่ได้ไปเก็บใส่ถังแต่อย่างใด หนำซ้ำยังมองด้วยสายตาดูถูกอีกด้วย ทั้งที่ฉันเองก็แก่ยิ่งกว่าแม่เขาซะอีก” ป้าอุไร กล่าวด้วยน้ำเสียงสุดเอือมระอา
ถ้าสถานที่สาธารณะว่าหนักแล้ว สถานที่ของเอกชนอาจถือว่าหนักยิ่งกว่า เพราะคนจำนวนไม่น้อยมองว่า “ฉันจ่ายเงินเข้าไปแล้ว ฉันจะทำยังไงก็ได้” ดังคำบอกเล่าของ “สายใจ” เจ้าของร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านพุทธมณฑล ที่ระบุว่า ทั้งที่ทุกโต๊ะของร้านจะจัดเตรียมถังขยะวางไว้ให้ใต้โต๊ะ แต่ลูกค้ากลับยังคงทิ้งขยะและเศษอาหารไว้บนโต๊ะบ้าง ทิ้งลงพื้นบ้าง ซึ่งพอพนักงานไปเตือน กลับแสดงท่าที “ไม่พอใจ” อีกต่างหาก
“บ่อยครั้งที่เห็นขยะเกลื่อนอยู่ตามพื้นทั้งที่เราก็มีถังขยะเตรียมไว้ให้ใต้โต๊ะ อาจเพราะเป็นร้านอาหารก็ได้ คนส่วนใหญ่จึงมักทิ้งเศษอาหารไม่ข้างจานก็บนโต๊ะ แต่บางรายก็ไม่มีจิตสำนึกซะเลย นั่งตรงไหนก็ทิ้งลงใต้โต๊ะนั้นๆ ทำให้พนักงานของเราต้องเก็บกวาดเช็ดถูนานขึ้น ทั้งที่จริงแล้วเพียงแค่ทิ้งลงถังที่จัดเตรียมไว้ให้ก็ไม่น่าจะยากเท่าไหร่
บางรายทิ้งต่อหน้าต่อตาเรา เราก็ให้เด็กในร้านไปเก็บทำความสะอาด แต่แทนที่เค้าเห็นแบบนั้นก็น่าจะหยุด กลับทิ้งชิ้นเล็กชิ้นน้อยด้วย คล้ายกับแกล้งเด็กเรา แต่จะทำอย่างไรได้ล่ะ เค้าคิดว่าเค้าเป็นลูกค้าเราก็ต้องยอมเค้า ใช่แล้วเรื่องจริงอาจเป็นแบบนั้น แต่ก็อยากให้เข้าใจเราด้วยว่าเราทุกคนทำงานเหนื่อยเหมือนกัน ก็น่าจะเห็นใจกันมากกว่า ไม่ใช่คุณเหนื่อยแต่กลับมาแกล้งทิ้งขยะเรี่ยราดทำให้เราเหนื่อยกว่าคุณ” เจ้าของร้านอาหารรายนี้ ระบุ
ไม่เพียงแต่ขณะทั่วไปเท่านั้น บางครั้งพฤติกรรมแย่ๆ เหล่านี้ ยังรวมไปถึงการทิ้ง “ขยะอันตราย” ดังที่ “ป้าน้อย” แม่บ้านทำความสะอาดคอนโดมิเนียม เล่าว่า ทั้งที่กฎระเบียบของอาคารแห่งนี้ ไม่อนุญาตให้จัดงานใดๆ ริมสระน้ำ แต่กลับพบ “ถุงยางอนามัยใช้แล้ว” ทิ้งเกลื่อนกลาดอยู่หลายชิ้น
ทั้งที่ขยะเหล่านี้ถือเป็น “ขยะติดเชื้อ” ที่กระบวนการกำจัดต้องทำอย่าง “เข้มงวด” ระมัดระวังเป็นพิเศษ!!!
“ครั้งหนึ่งก็เคยเจอเหตุการณ์ตอนที่กำลังทำความสะอาดบริเวณสระว่ายน้ำของคอนโด ทำให้ฉันต้องตกใจเป็นอย่างมากเพราะเจอถุงยางอนามัยทิ้งเกลื่อนตามพื้นหรือโคนต้นไม้เต็มไปหมด ทั้งที่คอนโดไม่อนุญาตให้จัดปาร์ตี้ริมสระ เพราะยากต่อการดูแลรักษาความสะอาด ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้น ดิฉันถึงกับต้องร้องเรียนต่อผู้ดูแลคอนโดถึงเหตุการณ์ที่พบเจอมาขณะปฏิบัติงานทันที เพราะหากบุคคลภายนอกเข้ามาใช้บริการสระว่ายน้ำของทางคอนโด ก็จะส่งผลต่อภาพลักษณ์ได้” ป้าน้อย กล่าว
ตาม พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 มาตรา 31 ระบุว่า ห้ามมิให้ผู้ใด (1) บ้วนหรือถ่มน้ำลาย เสมหะ บ้วนน้ำหมาก สั่งน้ำมูก เทหรือทิ้งสิ่งใดๆ ลงบนถนนหรือบนพื้นรถหรือพื้นเรือโดยสาร (2) ทิ้งสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอยในสถานสาธารณะนอกภาชนะหรือที่ที่ราชการส่วนท้องถิ่นได้จัดไว้ โดยผู้ฝ่าฝืนจะมีโทษตาม มาตรา 54 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท
แต่ท้ายที่สุดแล้ว มาตรการทางกฎหมายเพียงอย่างเดียวคงแก้ปัญหานี้ไม่ได้ จำเป็นต้องมีการสร้างจิตสำนึกที่ดีด้วย โดยเฉพาะการเป็น “แบบอย่างที่ดี” ของผู้ใหญ่ต่อผู้น้อย มิใช่แต่เพียง “สอนด้วยปาก” ว่าอย่าทิ้งขยะไม่เป็นที่เป็นทาง แต่พฤติกรรมที่แสดงให้เห็นทุกๆ วัน กลับเป็นนิสัยมักง่ายทิ้งไม่เลือกที่
ปฏิรูปประเทศไทย..บางทีอาจไม่ต้องมองอะไรใหญ่โตยุ่งยาก!!!
แก้พฤติกรรมพื้นๆ ง่ายๆ แค่นี้ให้ได้ก่อนดีกว่าไหม?!!!
บุษยมาศ ซองรัมย์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี