“ถ้าเราให้พลังพิเศษกับทุกคน โลกนี้จะโกลาหล”
แม้เป็นเพียงประโยคในตัวอย่างของภาพยนตร์ แต่ต้องถือว่าเป็นความจริงอยู่ไม่น้อย เห็นได้จากยุคนี้ที่ถูกขนานนามว่า “ยุคที่ใครๆ ก็เป็นสื่อได้” เพราะความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี สิ่งที่เรียกว่า “สื่อออนไลน์” (Social Media) ทำให้ทุกคนสามารถ “นำเสนอเรื่องที่อยากเสนอ” ได้อย่างไร้ข้อจำกัด ซึ่งผลกระทบคือบนโลกออนไลน์เต็มไปด้วย “สิ่งร้ายๆ” หลายประเภท ด้วยความที่ “ไม่ต้องแสดงตัวตน” ดังนั้นจะแสดง “ด้านมืด” ในจิตใจออกมาอย่างไรก็ได้
“โซเชียลมีเดียได้ทำให้คนที่เป็นผู้รับสารกลายมาเป็นคนมีอำนาจอยู่ในมือ ก็คืออยู่ในมือถือด้วย อำนาจนั้นพกพาไปได้สะดวก และวิธีใช้อำนาจก็อยู่ที่ปลายนิ้วเท่านั้น”
ธาม เชื้อสถาปนศิริ นักวิชาการสถาบันวิชาการสื่อสาธารณะ (สวส.) กล่าวในงานสัมมนาทางวิชาการ “รู้ยัง?..ไลค์ โพสต์ แชท แชร์ = เหยื่อออนไลน์” เมื่อเดือน ก.ค. 2558 ณ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เมื่อทุกคนมีอำนาจอยู่ในมือ สิ่งที่ตามมาคือแต่ละคนจะ “พูดในมุมที่ตนเองอยากพูด” โดยมีเจตนา “ลับ-ลวง-พราง” เพื่อหวังเป้าหมายบางอย่าง
ธาม ยกตัวอย่างเรื่องของ “การเมือง” ที่มีการใช้เทคนิคหลากหลายเพื่อสร้างกระแสมากที่สุด เช่น การตัดต่อภาพนักการเมือง-ผู้นำม็อบ หรือการนำภาพของบุคคลดังกล่าวมาใส่คำพูดที่ผ่านการตัดต่อเช่นกัน เพื่อหวังผลทางการเมืองไม่ว่าเชิงบวกหรือลบ และไม่ได้มีแค่ในประเทศไทย แต่ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นหลายแห่งทั่วโลก
“บางครั้งความเร็ว เทคโนโลยี ความกระหายเรตติ้ง หรือกระแสทางการเมือง การล่อหลอกทางการเมือง ทำให้ผู้ชมหรือผู้รับสาร กลายเป็นเหยื่อกันทุกคน” นักวิชาการด้านสื่อใหม่รายนี้ กล่าว
ไม่เพียงแค่เรื่องของการเมืองเท่านั้น แต่ประเด็นทางสังคมก็มีมากไม่แพ้กัน ผศ.ดร.พงศ์ วิเศษสังข์ อาจารย์คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ยกตัวอย่างไม่นานนี้อย่าง “ดรามาร้านกาแฟ” กรณีมีผู้โพสต์ว่าร้านกาแฟแห่งหนึ่ง เก็บค่านั่งคุยกันชั่วโมงละ 1,000 บาท ในตอนแรกกระแสชาวเนตส่วนใหญ่เป็นไปในทางต่อว่าร้านกาแฟดังกล่าวว่า “หน้าเลือด” ค้ากำไรเกินควร
แต่ในเวลาต่อมาเกิด “กระแสพลิก” หลังมีผู้แสดงความเห็นใจร้านกาแฟ โดยตั้งข้อสังเกตว่าผู้โพสต์เรื่องดังกล่าว “ไม่ดูกาลเทศะ” หรือไม่? เพราะที่ผ่านมา ร้านกาแฟก็ดี ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดก็ดี ต่างเจอปัญหาลูกค้าสั่งอาหาร-เครื่องดื่มเพียงเล็กน้อย เพื่อใช้พื้นที่ร้านทั้ง “ประชุมงาน-หาลูกค้าขายตรง-สอนพิเศษ” ยาวนานหลายชั่วโมง จนลูกค้ารยอื่นๆ “เอือม” ไปตามๆ กัน
“คือคนเราจะทำอะไรก็ตามต้องมีที่มาที่ไป แล้วเราก็รู้อยู่แล้ว ทุกคนก็เป็น คือเวลาที่เราไปเจอปัญหามา ถามว่าเราบอกหมดไหม? ก็บอกไม่หมด เราไม่รู้ว่าเขาไปนั่ง 3-4 ชั่วโมง แล้วใช้สถานที่ที่เขาต้องเสียค่าเช่า มีป้ายประกาศติดชัดเจน แต่ในข่าวบอกว่าแผ่นเล็กนิดเดียว แต่พอเราอ่านเราก็ต้องวิเคราะห์หน่อย คือฟังอะไรแล้วอย่าเชื่อทันที” อาจารย์พงษ์ ให้ความเห็น
เมื่อโลกปัจจุบันเต็มไปด้วยความโกลาหลด้วยเหตุผลดังกล่าว และคงไม่มีทางที่จะปิดกั้นห้ามมิให้เข้าถึงสื่อออนไลน์ได้ ดังนั้นสิ่งที่ควรปลูกฝังเห็นจะเป็นเรื่องของการรู้เท่าทัน โดย ผศ.ดร.บุศรินทร์ หนุนภักดี อาจารย์คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต กล่าวว่า เรื่องของการรู้เท่าทันสื่อต้องสอนตั้งแต่วัยเด็ก ต้องเริ่มจากในครอบครัว จะหวังพึ่งแต่สถาบันการศึกษาอย่างเดียวคงไม่ได้
“ประเด็นที่สำคัญที่สุดต้องเริ่มที่ครอบครัว เพราะพ่อแม่ใกล้กับลูกที่สุด การรู้เท่าทันสื่อมันไม่ใช่แค่วันสองวัน แต่ต้องหัดตั้งแต่เล็ก โตแล้วก็จะติดเป็นนิสัย เป็นลักษณะของเขาเอง ตรงนี้คิดว่าในสังคมขณะนี้มันยังไม่มี เพราะในครอบครัวเราไม่สื่อสารกันในเรื่องเหล่านี้ จะหวังพึ่งสถาบันการศึกษาก็คงไม่ได้ เพราะครู 1 คนต่อเด็ก 40-50 คน เราจะรู้จักคนในครอบครัวเราดีที่สุด” อาจารย์บุศรินทร์ ฝากทิ้งท้าย
ล่าสุดกับเหตุระเบิดที่ราชประสงค์ เมื่อค่ำวันที่ 17 ส.ค. 2558 ที่ผ่านมา โลกออนไลน์ก็ประสบภาวะโกลาหลอีกครั้ง ทั้งการแชร์ข่าวประกาศหยุดเรียนบ้าง สถาบันการเงินหยุดทำการบ้าง หรือความพยายามโยงให้เป็นเรื่องของขั้วการเมืองแต่ละฝ่ายบ้าง
สิ่งที่ต้องเตือนกัน..โปรดใช้ “สติ” และ “วิจารณญาณ” ในการรับสารด้วย!!!
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี