ลิขสิทธิ์ปีล่าสุดคือ ซีทีเอช และปล่อยมายังฟรีทูแอร์ นั่นคือ PPTV HD
การประมูลลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ รอบใหม่ ประจำฤดูกาล 2016-19 ได้คำตอบอย่างรวดเร็วและเมืองไทยเค้าว่ากันว่า “พลิกล็อก”
เมื่อผู้ที่ได้รับการชูมือเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เจ้าใหม่คือ “บีอิน สปอร์ตส์”( BeIN Sports)
ชื่อนี้คนไทยเริ่มคุ้นหูกันมาสักพักใหญ่ เพราะถามว่า บอลถ่ายช่องไหน หลายคนบอกว่า “บีอิน” ที่อยู่ในแพลตฟอร์มของ “ทรูวิชั่นส์”
หนนี้มีผู้ร่วมประมูลลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีก เพื่อนำมาฉายยังเมืองไทย 4 รายด้วยกัน คือ บีอิน สปอร์ตส์, ซีทีเอช, ทรูวิชั่นส์ และฟ็อกซ์ สปอร์ตส์
หลังจากหนก่อนมีถึง 5 บริษัทของคนไทย บวกกับอีก 3 จากเพื่อนบ้านของเราที่ต้องการลิขสิทธิ์มาครอบครอบ ประกอบด้วย ซีทีเอช, ทรูวิชั่นส์, จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่, ช่อง 7 และอาร์เอส ส่วนต่างชาติ คือ คิวบิค, มาเลเซีย และ อีเอสพีเอ็น สตาร์ สิงคโปร์ สิทธิในการถ่ายทอดสดครอบคลุมพื้นที่ ไทย, กัมพูชา และลาว
สุดท้ายกลายเป็น “ซีทีเอช” ที่คว้าสิทธิ์ไปครอง เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2555
หนนี้ “บีอิน สปอร์ตส์” ช่องกีฬาชั้นนำระดับโลก ในเครือ บีอิน มีเดีย กรุ๊ป ของแถบอาหรับ เป็นผู้ชนะการประมูลด้วยวงเงินตามที่คาดกันว่าอยู่ในราว 300 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 10,500 ล้านบาท
น่าสนใจว่า เป็นจำนวนที่น้อยกว่าวงเงินที่ CTH หรือบริษัท เคเบิล ไทย โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เจ้าของลิขสิทธิ์ปัจจุบันชนะประมูลรอบที่แล้วอยู่ถึง 50 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1,750 ล้านบาทเลยทีเดียว
ปฏิเสธและตบหน้าคนกุข่าวก่อนหน้านี้ว่า ถ้าหากประมูลครั้งใหม่ต้องให้ข้อเสนอที่เยอะกว่า
อย่างที่บอกไปว่า “บีอิน สปอร์ตส์” เป็นเครือข่ายช่องรายการกีฬาทางโทรทัศน์ชั้นนำในเครืออัล จาซีร่า ที่กำลังรุกคืบในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่างรวดเร็ว แถมยังมีเครือข่ายไปทั่วโลก และถือลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬารายการสำคัญๆ เอาไว้อย่างมากมาย
จากนี้ไปน่าสนใจว่า “บีอิน สปอร์ตส์” จะร่วมกับใครในการถ่ายทอดสด???
เพราะมีตัวเลือกอย่างมากมาย หนึ่งคือพันธมิตรเดิมอย่าง ทรูวิชั่นส์, สองคือ จับมือกับ ซีทีเอช และที่น่าสนใจก็คือ บรรดาช่องที่เรียกว่า “ฟรี-ทู-แอร์” นั่นคือช่องทางที่เราได้รับชมกันฟรีๆ นั่นแหละ
ตัวอย่างเป็นอาทิคือ ฟรีทีวี, ทีวีดิจิตอล, ทีวีดาวเทียม ที่ไม่สามารถจะเก็บค่าชมจากคนดูได้
รวมไปถึงการชมสดผ่านทางมือถือ และแอปสโตร์ต่างๆ ก็เป็นอีกช่องทางที่น่าสนใจ
โดยปกติแล้ว “บีอิน สปอร์ตส์” ก็ถือลิขสิทธิ์ฟุตบอลรายการต่างๆ มากมาย และถือว่าเป็น “ขาใหญ่” ในหลายๆ ประเทศ
ในประเทศฝรั่งเศส ถ่ายทอดสด ลีกเอิง, กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี, บุนเดสลีกา เยอรมนี, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก, ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก และบอลยูโร
ในประเทศสหรัฐอเมริกา และแคนาดา ถ่ายทอดสด ลา ลีกา สเปน, ลีก เอิง ฝรั่งเศส, กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี, โคปา เดอ เรย์, ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก, รัสเซียลีก, เดอะ แชมเปี้ยนชิพ, โคปา อเมริกา และบาร์ซ่า ทีวี
ในประเทศอินโดนีเซีย ถ่ายทอดสด พรีเมียร์ลีก อังกฤษ, กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี, บุนเดสลีกา เยอรมนี, เมเจอร์ลีกซอคเกอร์ และบราซิลลีก
ในเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ถ่ายทอดสด ลีก เอิง ฝรั่งเศส, กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี,เมเจอร์ลีกซอคเกอร์, ลีกคัพ, ทิมคัพ, เฟรนช์คัพ รวมไปถึง ลิเวอร์พูล ทีวี, สเปอร์ส ทีวี และเอซี มิลาน ทีวี
มีอดีตนักบอลดังหลายต่อหลายคน เป็นคอมเมนเตเตอร์ และผู้วิเคราะห์เกม อาทิ ลูอิซ แฟร์กน็องเดซ อดีตกองกลางทีมชาติฝรั่งเศส ยุคแชมป์ยูโร 84, ฌอง ปิแอร์-ปาแปง หัวหอกทีมชาติฝรั่งเศส ยุคบอลโลก 86, โรแบร์ ปิแรส กองกลางจอมเทคนิคทีมชาติฝรั่งเศส ชุดแชมป์โลก 98 และยูโร 2000, ซอนนี่ อันเดอร์สสัน กองหน้าบราซิล ของบาร์ซ่า กับ โมนาโก, ลูโดวิช ชูลี่ มิดฟิลด์ตัวดังของบาร์ซ่า กับ โมนาโก, ปาทริค วิเอร่า มิดฟิลด์จอมแกร่งแห่งอาร์เซนอล และฝรั่งเศส, กาอิซก้า เมนดิเอต้า กองกลางบาเลนเซีย และสเปน, อันโดนี่ ซูบิซาร์เร็ตต้า ยอดโกล์บาร์ซ่า และสเปน, ฮอร์เก้ บัลดาโน่ หัวหอกอาร์เจนตินา ชุดแชมป์โลก ปี 1986, แอนดี้ เกรย์ อดีตหัวหอกเอฟเวอร์ตันยุคยิ่งใหญ่ปี 1985 พร้อมกับอดีตนักบอลอย่าง “ซีดาน 2” บรูโน่ เชย์รู, ฌอง อแลง บูมซง, เอริค ดิมาโก้ เป็นทีมผู้บรรยาย
น่าสนใจก็คือ ประเทศที่ “บีอิน สปอร์ตส์” ไปตะลุยลิขสิทธิ์ล้วนเป็นประเทศที่เป็นขาใหญ่ อย่าง สหรัฐ, ประเทศแถบมิดเดิ้ลอีสต์, ฝรั่งเศส, แคนดา, สเปน, ออสเตรเลีย พร้อมกับไปประเทศที่มีประชากรเยอะอย่าง อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์ รวมถึงประเทศที่หลายคนชอบไปอย่าง ฮ่องกง
คราวนี้มีชื่อของ “ไทยแลนด์” อยู่ในโผอีกด้วย
พวกเขามีฐานทัพบัญชาการถ่ายทอดสดกระจายไป 5 แห่ง 3 ทวีป ประกอบด้วย กรุงโดฮา กาตาร์, ไมอามี สหรัฐอเมริกา, ปารีส ฝรั่งเศส, จาการ์ตา อินโดนีเซีย และบาร์เซโลน่า สเปน
ซึ่งเทียบกับการเปิดตัวแล้ว ถือว่าพวกเขามาแรงมาก จากเดิมที่เปิด 4 ช่องในฝรั่งเศส คือ beIN Sports 1, beIN Sports 2,beIN Sports 3 และ beIN Sports MAX และเปิด 2 ช่องในสหรัฐอเมริกา ซึ่งมี 2 ภาษาคือ อังกฤษ กับ สเปน เมื่อเดือนสิงหาคม 2012
3 ปีตอนนี้พวกเขามาแรงมาก
แรงและน่าสนใจสุดๆ ก็คือ การได้ลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในเมืองไทย ทำให้คนในบ้านเราจับตามองช่องนี้กันทุกฝีก้าว ว่าจะทำออกมาได้ขนาดไหน
ลิขสิทธิ์คราวนี้จะต้อง “ซื้อจาน” หรือว่า “ซื้อกล่อง” เพิ่มกันอีกมั้ย แล้วจะดูที่ไหน จะมีฟรีทีวีถ่ายทอดหรือไม่
การทำงานจะเป็นลงทุน “หมื่นล้าน” แต่ทำงานเหมือนกับ “หลักร้อย” อีกหรือไม่
แค่คิดก็ “ขมคอ” อีกแล้วครับสหาย?!?
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี