“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล แห่งอังกฤษ กางปีกบินเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลนี้ได้สำเร็จ หลังจากชนะ “หมาป่า” โรม่า แห่งอิตาลี ไปได้อย่างสุดระทึกด้วยสกอร์รวม 7-6 เข้าชิงเป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี และเป็นครั้งที่ 8 ของสโมสร โดยก่อนหน้านี้ ลิเวอร์พูล ครองเจ้ายุโรปมาแล้ว 5 สมัย คือ ปี 1977, 1978, 1981, 1984 และ 2005
ซึ่งการลงเตะรอบรองชนะเลิศ นัดที่ 2 ที่โอลิมปิก สเตเดี้ยม กรุงโรม ปรากฏว่า ลิเวอร์พูล แพ้ให้กับ โรม่า 2-4 โดย ลิเวอร์พูล ออกนำก่อนจาก ซาดิโอ มาเน่ นาทีที่ 9 แต่เจ้าถิ่นตีเสมอได้สำเร็จจากการที่ เดยัน ลอฟเรน เตะสกัดไปโดนหน้า เจมส์ มิลเนอร์ เด้งเข้าประตูตัวเองในนาทีที่ 15 จากนั้นนาทีที่ 25 จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม ก็โหม่งให้หงส์นำในครึ่งแรก 2-1 สกอร์รวมตอนนั้นขาดลอย 7-3
แต่ในครึ่งหลัง โรม่า ที่ต้องการ 4 ประตูเพื่อต่อเวลา มาทะลวงได้ 3 ประตู จาก เอดิน เชโก้ นาทีที่ 52, รัดญ่า นาอิงโกลัน นาทีที่ 86 ก่อนที่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีสุดท้าย นาทีที่ 93 โรม่า ได้จุดโทษ และเป็น นาอิงโกลัน สังหารเข้าไปแต่ไล่ไม่ทัน ทำให้ โรม่า ชนะ 4-2 แต่สกอร์รวมสองนัด ลิเวอร์พูล ชนะไป 7-6 เข้าไปชิงชนะเลิศกับ “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด แห่งสเปนต่อไป
“มันไม่ใช่วันที่ดีสำหรับเรา แต่ผลลัพธ์ในตอนท้ายถือว่าดีสุดๆ” เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือลิเวอร์พูล กล่าว “ผมคิดว่ามิดฟิลด์ทั้ง 3 คน คือผู้เล่นที่ดีที่สุดของเกม จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม และเจมส์ มิลเนอร์ ช่วยกันปิดพื้นที่ที่วันนี้มันกว้างพอๆ กับ แม่น้ำเมอร์ซี่ย์ เลย จากนี้เรามีเวลาอีกสองสามสัปดาห์ในการเตรียมทีมเพื่อรับมือกับนัดชิงชนะเลิศ ซึ่งผมมั่นใจว่า เราจะทำได้ดี”
กุนซือของหงส์แดง กล่าวต่อไปว่า ผมเชื่อถึงศักยภาพของนักบอลของเรา ที่จะยกระดับตัวเอง สามารถเล่นได้ดีกว่านี้ เพราะเรายังมีความอดทนไม่มากพอ มันคือจุดที่ยังต้องปรับปรุงและนั่นไม่ใช่ปัญหา เราต้องปรับปรุงทั้งในระยะสั้นและในอนาคต และเราสามารถทำได้ เพราะนี่คือเกมรอบตัดเชือก ครั้งแรกของนักเตะหลายคน จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนจะต้องอยู่ในสถานการณ์กดดัน ที่รับมือได้ยากแบบนี้
เกมนี้ ลิเวอร์พูล ทำสถิติต่างๆ มากมาย โดยเป็นทีมที่มีเกมรุกดีที่สุดของประวัติศาสตร์สโมสร หลังจากซีซั่นนี้ยิงไปแล้ว 129 ประตู ค่าเฉลี่ยสูงที่สุดตั้งแต่ตั้งทีมมา 125 ปี และกำลังไล่ล่าการยิงเยอะที่สุดของทีม ทำไว้ 138 ประตูเมื่อซีซั่น 1985-86
ขณะเดียวกันยังเป็นทีมที่ทำประตูต่อ 1 ซีซั่นในศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก ได้เยอะที่สุด จากการซัดไปแล้ว 46 ลูก ทำลายสถิติเก่าของ บาร์เซโลน่า ชุดซีซั่น 1999-2000 ที่ยิงไว้ 45 ประตู จาก 16 เกม รวมถึงเป็นทีมเดียวในซีซั่นนี้ ที่ทำประตู โรม่า ได้ถึงถิ่น
สำหรับนัดชิงปีนี้ ลิเวอร์พูล จะดวลกับ เรอัล มาดริด จากสเปน เจ้าของแชมป์ 12 สมัย ย้อนรอยคู่ชิงเมื่อปี 1981 ซึ่งหนนั้นชิงที่ปารีส ปรากฏว่า ลิเวอร์พูล ชนะ 1-0 จากการยิงของ อลัน เคนเนดี้ โดยนัดชิงปีนี้จะมีขึ้นในวันที่ 26 พฤษาคมนี้ ที่กรุงเคียฟ ประเทศยูเครน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี