.
โอกาสสุดท้ายในการอยู่ระดับท็อปของ “ลีโอเนล เมสซี่” เพื่อการก้าวไปเป็นแชมป์โลก และเป็นเทพเจ้าลูกหนังแห่งยุคให้จงได้
ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่มันก็เกิดขึ้นได้เช่นกัน
เมสซี่ กับ อาร์เจนติน่า จะเข้าถึงหัวใจของแฟนฟุตบอลแบบล้านเปอร์เซนต์ และสลัดหลุดพ้นร่มเงาของ ดีเอโก้ มาราโดน่า นั่นคืออีกหนึ่งก้าวกับการเป็นแชมป์โลก
แต่ทุกเกมของ “ฟ้าขาว” จะต้องดวลกับ 3 ทีม 3 สไตล์ ทั้งบอลแข็งๆ วินัยดีแบบ ไอซ์แลนด์, บอลเทคนิคสูงอย่าง โครแอต และบอลที่มักจะเจอกันบ่อยจนเบื่ออย่าง ไนจีเรีย
ถือว่ากลุ่มนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ!!!
"อาร์เจนติน่า"กับโอกาสครั้งสุดท้ายของ"เมสซี่"
ลุ้นกันถึงหยดสุดท้ายสำหรับแฟนบอลของ “ฟ้าขาว” อาร์เจนตนิน่า ที่มีแฟนฟุตบอลอยู่ทั่วทั้งโลก ลงท้ายพวกเขาได้มาฟุตบอลโลกแบบหืดจับ ไม่แพ้เมื่อครั้ง 2 สมัยก่อนหน้านี้ที่กว่าจะได้เข้ารอบต้องรอ ดีเอโก้ มาราโดน่า มาช่วยชุบชีวิต
มาถึงคราวนี้ ฆอร์เก้ ซามเปาลี ที่เดินทางไปสร้างความสำเร็จที่ชิลี ก่อนจะไปทำงานที่ เซบีญ่า เลือกที่จะกลับมาช่วยชาติ และก็ทำได้สำเร็จ
แม้ว่าแฟนบอลอาจจะไม่ค่อยชอบหน้าตา และแทคติคของเขาเท่าไหร่นักก็ตาม
เพียงแต่ผลลัพธ์คือได้ผ่านเข้ารอบสุดท้ายไปแล้ว
อาร์เจนติน่า
“ฟ้าขาว” ผู้ยิ่งใหญ่โดดเด่นถือเป็นประเทศที่มีส่วนร่วมกับฟุตบอลโลกตั้งแต่เริ่มต้น เมื่อพวกเขาเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ ฟุตบอลโลก สมัยแรก แต่ได้เพียงแค่รองแชมป์
กระทั่งต้องรอนานมาจนถึงปี 1978 ที่พวกเขาเป็นเจ้าภาพหรือ 48 ปีต่อมา ด้วยการเอาชนะ เนเธอร์แลนด์ ในช่วงต่อเวลา 3-1 และมาได้แชมป์สมัยที่ 2 ในปี 1986 ด้วยการทุบ เยอรมันตะวันตก 3-2 ครองแชมป์สมัยที่ 2 ด้วยอิทธิฤทธิ์ของ ดีเอโก้ มาราโดน่า แอนด์ เดอะ แก๊งค์
พวกเขาใกล้เคียงกับคำว่าแชมป์อีก 2 ครั้ง เมื่อปี 1990 และ 2014 ด้วยการเข้าชิงแต่ได้แค่พระรอง ด้วยการแพ้ให้กับแข้งอินทรีเหล็กทั้งสองครา
มาในครั้งนี้ประเด็น “การเลือกตัว” ถูกมองว่า ขัดหูขัดตาแฟนบอลพอสมควร แต่สุดท้ายแล้วก็น่าจะยอมรับได้ โดยเฉพาะกรณีของ เมาโร่ อิการ์ดี้ และ ฮาเวียร์ ปาสตอเร่
ถึงอย่างไรก็ตามมาถึงขั้นนี้ “ฟ้าขาว” ยังมีนักเตะดีๆ มากมายทั้งตัวของ เมสซี่ ยังมีแกนรุกชั้นดีทั้ง อังเคล ดิ มาเรีย, เซร์คิโอ อเกวโร่, เปาโล ดี บาล่า และกอนซาโล่ อิกวาอิน ให้ได้เลือกใช้
นี่คือโอกาสสุดท้ายของ เมสซี่
แต่ถ้าพลาดครั้งนี้อาจไม่ใช่แค่ เมสซี่ คนเดียวเท่านั้น
อาร์เจนติน่า อาจจะต้องรอคอยอีกนานเลยด้วย!
ลีโอเนล เมสซี่ กับโอกาสครั้งสำคัญอีกครั้งกับการล่าแชมป์โลก
“ไอซ์แลนด์”ทุกก้าวคือประวัติศาสตร์
ไอซ์แลนด์ ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ด้วยการเป็นทีมที่มีประชากรน้อยที่สุด แต่บุ๊คตั๋วเวิลด์คัพ!!!
สองปีก่อนในศึกยูโร 2016 โลกนี้ได้รู้จักกับพวกเขาในฐานะ "ทีมฟุตบอล" หาใช่มีดีเพียงแค่"แสงเหนือ"
ไอซ์แลนด์ เป็นประเทศนอร์ดิกในยุโรปเหนือ ตั้งอยู่บนเกาะในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ ระหว่างเกาะกรีนแลนด์, นอร์เวย์ และสหราชอาณาจักร มีประชากร 332,529 คนเท่านั้น เกาะมีขนาด 103,000 ตารางกิโลเมตรและมีประมาณ 200 ภูเขาไฟขนาดแตกต่างกัน โดย 75% ของประเทศจะสูงกว่า 200 เมตร และส่วนใหญ่ของไอซ์แลนด์ไม่มีอะไรมากกว่าสถานที่ที่มีพืชน้อยและเนินเขาและภูเขา
ด้วยประชากรที่มีเพียง 3แสนกว่าคน แต่ทั่วโลกต้องตะลึง กับความเก่งกาจของนักเตะไอซ์แลนด์ถ้าหากจะเรียกว่า เล็กก็คือ เล็กพริกขี้หนู
ไอซ์แลนด์
ว่ากันว่า ในช่วงยูโร ไม่มีใครคุยเรื่องอะไรนอกจาก “ฟุตบอล” โดยเฉพาะคว่ำ อังกฤษ ตกรอบ
ปรากฏารณ์คลาสสิคนี้ ไม่เพียงแต่ใน ไอซ์แลนด์ เท่านั้น ชาวกรีนแลนด์ เพื่อนสนิทมิตรสหายใกล้บ้านกัน ก็ได้ทำการจัดจอยักษ์ที่สถานทูตเดนมาร์ค ถือเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้มิตรประเทศ อีกด้วย
ภาพอันน่าประทับใจนี้ส่งไปทั่วโลก ซึ่งการปรบมือแบบชาวไวกิ้ง (víkingaklappið) ที่เราเห็นจากการนำทัพของ แอร่อน กุดนาร์สสัน มันส่งความรู้สึกถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของพวกอย่างแท้จริง
ประวัติศาสตร์ต้องจารึก เมื่อเสื้อผ้ากีฬา เกี่ยวกับฟุตบอลทีมชาติไอซ์แลนด์ ขาดตลาด ทุกคนต่อคิวเข้าไปซื้อแบบล้นออกมานอกร้าน รายงานจากที่นั่นบอกว่า เสื้อแข่งไอซ์แลนด์ มีค่าและมีราคามากกว่าทองมากกว่าเพชร
ขนาดในอีเบย์ทะลุไปแล้วตัวละเกือบหมื่นบาท ทั้งหมดนี้มันคือปรากฏการณ์
เนื่องจากประเทศนี้มีฟุตบอลลีกอยู่ทั้งหมด 5 ระดับ ไล่จาก ไอซ์แลนด์ดิก พรีเมียร์ลีก หรือลีกสูงสุด รวม 12 ทีม, ต่อด้วยดิวิชั่น 1 มี 12 ทีม, ดิวิชั่น 2 มี 12 ทีม และดิวิชั่น 3 รวม 10 ทีม จากนั้นเป็นระดับดิวิชั่น 4 แบ่งเป็น 4 ลีก ๆ ละ 7 ทีม 3 ลีก และ 6 ทีม 1 ลีก รวมทั้งระบบมีทีมอยู่เท่านี้
น้อยกว่าไทยลีกของไทยด้วยซ้ำ
ที่แน่ๆ มากกว่าระบบลีกอาชีพของอังกฤษ ที่มีทั้งหมด 4 ดิวิชั่น 92 ทีม แต่พวกเขาก็กลับคว่ำ อังกฤษ ลงได้ อนาคตไม่รู้ว่าจะอย่างไร ที่แน่ ๆ แม้พวกเขาจะยุติเส้นทางที่รอบ 8 ทีม แต่ความยิ่งใหญ่ที่สร้างเอาไว้ครั้งนี้ นักเตะจากชาติเล็กๆ แต่วีรกรรมดุจวีรบุรุษชาติ
จะเป็นบทบันทึกไว้ตลอดกาล.........
เช่นเดียวกับครั้งนี้ ไอซ์แลนด์ ไม่ได้ตั้งเป้าหมายอะไรไว้เกินตัว เหมือนกับยูโร 2016 ไม่มีผิด ทำให้น่าติดตามดูทีมที่ไม่มีความกดดันอะไรเลย จะระเบิดฟอร์มแบบไหน
ที่สำคัญทีมชุดนี้คือตัวหลักจากชุดเดิมเมื่อ 2 ปีก่อน และจาก 23 คน มีคนนามสกุล “สัน” ลงท้ายถึง 22 คนเลยทีเดียว
คนเดียวที่ไม่ได้สนามสกุลลงท้ายคือ เฟรเดริค ชราม โกล์สำรองเท่านั้น!!!
“โครเอเชีย”ขอกลับไปยืนที่เดิม
หลังจากที่ “เพชรฆาตาหมากรุก” ได้แยกตัวออกจาก ยูโกสลาเวีย เมื่อต้นยุค 90 พวกเขาใช้เวลา 6 ปีให้โลกรู้จักในการเล่นฟุตบอลยูโร 1996 แต่โลกต้องจดจำนั่นคือฟุตบอลโลก 1998
ชุดแข่งขันเป็นที่สะดุดตาแฟนฟุตบอล เนื่องจากเป็นลายตาหมากรุก พร้อมกับการเล่นในยุคที่มีนักฟุตบอลจอมเทคนิคมากมาย นำโดย ซโวนีเมียร์ โบบัน กับ โรเบิร์ต โปรซิเนคกี้ พร้อมทั้งขุนพลตัวเอ้อย่าง ดาวอร์ ซูเคอร์ ในเกมรุก
นี่คือพลังแห่งโครแอตที่แสดงให้โลกรู้ว่า แม้ว่า ยูโกสลาเวีย จะล่มสลายลงไป แต่เทคนิคลูกหนังแห่งสลาฟไม่ได้มะลายหายตาม
โครเอเชีย
อย่างไรก็ดี นับจากครั้งนั้นเป็นต้นมา โครแอต ไม่เคยก้าวกลับไปอยู่ระดับนั้นอีกเลย เมื่อพวกเขาพลาดท่าตกรอบแรกบ้าง ไม่ได้ไปเล่นรอบสุดท้ายบ้าง จนมาปีนี้ ซลัทโก้ ดาลิซ ทำงานและกรุยทางด้วยเพลย์ออฟเข้ารอบมาได้
แกนหลักของทีมยังคงเป็น ลูก้า โมดริช ด้วยการเล่นที่พัฒนาไม่หยุดกับทีมเรอัล มาดริด ที่เล่นร่วมกับ อีวาน ราคิติช ได้อย่างลงตัวมาก ๆ อีกทั้งยังมี มาริโอ มานด์ซูคิซ อีกคนที่เป็นตัวสำคัญในการกระทุ้งตาข่าย
ที่สำคัญ องค์ประกอบของทีมชุดนี้จัดได้ว่าน่าสนใจมาก ๆ เมื่อ ไซเม่ เวอร์ซัลโก้ ขยับตัวเองมาเป็นตัวจริงของแอตเลติโก มาดริด ช่วยให้กับเกมรับดีขึ้น เช่นเดียวกับแผงกลาง มัตเตโอ โควาซิซ กับ มาร์เซโล โบรเซวิช และอีวาน เปริซิซ ทำให้ โครแอต น่าสนใจมาก ๆ
ประเด็นคือการเป็นศิลปินลูกหนัง จะต้องมีจังหวะทีเด็ดทีขาดให้ได้มากกว่านี้
พวกเขาจะไปได้ไกลเหมือนกับที่เป็นมา
อีวาน ราคิติช กับ ลูก้า โมดริช คนสำคัญของโครเอเชีย
“ไนจีเรีย”กับชัยชนะก่อนการลงสนาม
“อินทรีมรกต” ไม่เคยอยู่ในแผนที่ของฟุตบอล กระทั่งเข้าสู่ยุค 90 ที่พวกเขาสร้างผลงานได้อย่างต่อเนื่องถึงขั้นการก้าวไปคว้าเหรียญทองฟุตบอลโอลิมปิกเกมส์ ที่แอตแลนต้า เมื่อปี 1996
ขุนพลถือว่าอยู่ในยุคทองของพวกเขาที่สร้างผลงานต่อเนื่องจากการเข้ารอบสุดท้ายบอลโลก สมัยแรก เมื่อปี 1994 และเข้าถึงรอบ 16 ทีม โดยมีนักเตะฟุตบอลขึ้นมาพร้อมกันอย่าง เจย์เจย์ โอโคชา, เอ็นวานโก้ คานู, เซเลสติน บาบายาโร่, เอ็มมานูเอล อมูนิเก้, ตาริโบ เวสต์ เป็นต้น
แต่ในฟุตบอลโลกอีก 2 ปีต่อมา พวกเขาถูกมองว่า จะเป็นทีมแรกจากกาฬทวีปที่มีลุ้นแชมป์โลก แต่ก็จอดแค่รอบ 16 ทีมอีกครั้ง ด้วยการแพ้ เดนมาร์ก ขาดลอย 1-4
ไนจีเรีย
ก่อนจะค่อย ๆ หายไปจากทีมมีลุ้นแชมป์ กลายเป็นทีมธรรมดา และมาบ้างไม่มาบ้างกับฟุตบอลโลก
4 ปีก่อนพวกเขาเข้าถึงรอบ 16 ทีมได้อย่างพลิกความคาดหมาย มาในครั้งนี้ขุนพลที่กำลังก้าวขึ้นมาน่าสนใจหลายคน อาทิ อเล็กซ์ อิโวบี้ ของอาร์เซนอล และ วิลฟรีด เอ็นดีดี้ จากเลสเตอร์ บวกกับตัวเก๋าประสบการณ์อย่าง วิคเตอร์ โมเสส ของเชลซี และจอห์น โอบี มิเกล อดีตดาวดังเชลซี ที่ปัจจุบันอยู่ลีกจีน
ประเด็นคือ แนวรุกของพวกเขาที่ให้ มิเกล ดันสูง ให้ โมเสส ได้เล่นเกมรุกเต็มตัวไม่ต้องเล่นวิงแบ๊ค และให้อิสระกับ อิโวบี้
อย่างไรก็ดี เมื่อต้องมาเจอของแข็งโป๊กประจำกลุ่มแบบนี้ก็ต้องดูว่า จะไปได้ขนาดไหน แต่ที่แน่ ๆ พวกเขาได้รับชัยชนะไปแล้วตั้งแต่เกมยังไม่เริ่ม
หลังจากเสื้อแข่งสุดฮิปแนวสตรีทขายทะลุ 3 ล้านตัวแบบยิ่งใหญ่สุด ๆ
กลายเป็นว่า ได้กำไรไปตั้งแต่ก่อนแข่งสำหรับ “ซูเปอร์อีเกิลส์”!!!
อเล็กซ์ อิโวบี้ แกนรุกจอมคึกคักของไนจีเรีย
ใครจะตกรอบ
กลุ่มนี้ถือว่าสูสีมากๆ แน่นอนว่า อาร์เจนติน่า คือตัวเต็งประจำกลุ่ม แต่พวกเขาต้องเจอกับเกมหนักทั้ง 3 เกม ด้วยประสบการณ์ในการเล่นนั้น อาร์เจนฯ กับ โครเอเชีย ดูดีกว่าทีมอื่น ๆ และน่าจะเป็นสองทีมที่เบียดเข้ารอบไปได้ โดยมี ไนจีเรีย เป็นตัวสอดแทรก
++++++++++++++++++++
ข้อมูลที่น่าสนใจ
อาร์เจนติน่า
ผ่านเข้ารอบสุดท้าย : 17 สมัย
ผลงานดีที่สุด : แชมป์โลก 2 สมัย ปี 1978 และ 1986
สตาร์เด่น : ลีโอเนล เมสซี่
ไอซ์แลนด์
ผ่านเข้ารอบสุดท้าย : สมัยแรก
ผลงานดีที่สุด : -
สตาร์เด่น : กิลฟี่ย์ ซิกูร์ดสัน
โครเอเชีย
ผ่านเข้ารอบสุดท้าย : 5 สมัย
ผลงานดีที่สุด : อันดับ 3 ปี 1998
สตาร์เด่น : ลูก้า โมดริช
ไนจีเรีย
ผ่านเข้ารอบสุดท้าย : 6 สมัย
ผลงานดีที่สุด : รอบ 16 ทีม
สตาร์เด่น : อเล็กซ์ อิโวบี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี