 วันศุกร์ ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2568
                วันศุกร์ ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2568
             
							
การพัฒนาของเทคโนโลยีที่ทุกอย่างสามารถเชื่อมโยงกันได้ง่าย สะดวก และรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็น การเข้าถึงข้อมูลได้เป็นจำนวนมากในเวลาสั้น การติดต่อสื่อสารได้ทุกที่ทุกเวลา ส่งผลโดยตรงต่อพฤติกรรมของคนในสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้คนในสังคมได้มีโอกาสแสดงความหลากหลายขึ้นเป็นอย่างมาก แต่สิ่งที่ตามมาด้วยก็คือความหลากหลายและซับซ้อนที่เพิ่มขึ้นของปัญหาในสังคมด้วย
พอพูดถึงปัญหาสังคม หลายคนมักคิดว่าเป็นหน้าที่ของภาครัฐที่ต้องแก้ไขปัญหา ตั้งแต่เรื่องปากท้อง จนไปถึงปัญหาใหญ่ๆ อย่างการทุจริตคอร์รัปชัน แต่เมื่อปัญหามีความซับซ้อนมากขึ้น การจะรอให้หน่วยงานภาครัฐเข้ามาทำความเข้าใจและแก้ไขปัญหานั้นคงไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด อย่างไรก็ตาม การที่ภาครัฐหรือนักวิชาการจะบอกว่าประชาชนทุกคนต้องมีส่วนร่วม ก็ดูจะเป็นการผลักภาระไปหน่อย หากไม่ได้มีการสนับสนุนด้วยอาวุธและเกราะป้องกันให้ประชาชน นี่จึงเป็นโจทย์ที่ท้าทายมากสำหรับการขับเคลื่อนพลังสังคมในการแก้ไขปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะการคอร์รัปชัน
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มูลนิธิหัวใจอาสาได้จัดงานปาฐกถาไพบูลย์วัฒนศิริธรรม ครั้งที่ 6 ในหัวข้อ “พลังพลเมือง พลังขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงสังคม” โดยนำเสนอมุมมองในการแก้ไขปัญหาสังคมในประเด็นต่างๆ บทความในตอนนี้ผู้เขียนจึงขอนำเสนอเนื้อหาภายในงานในประเด็นพลังสังคม...ต่อต้านคอร์รัปชัน เพื่อชี้ให้เห็นแนวทางการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันโดยพลังสังคมที่กำลังขับเคลื่อนอยู่ในปัจจุบัน
องค์ปาฐกท่านแรก ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ได้กล่าวถึง “พลังพลเมือง พลังขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงสังคมไทย” ประเด็นที่น่าสนใจที่ท่านได้นำเสนอเป็นเรื่อง “พลังของภาคประชาสังคม” ที่มีการรวมตัวกันเป็นขบวนการเพื่อแก้ไขปัญหาสังคม โดยยกตัวอย่าง ขอนแก่นโมเดลที่ขับเคลื่อนโดยกลุ่มสำนึกรักบ้านเกิดในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น เป็นการรวมตัวกันของนักธุรกิจและภาคเอกชน ในพื้นที่ เพื่อร่วมกันหาแนวทางการพัฒนาระบบคมนาคมโดยไม่รอการพึ่งพางบประมาณจากภาครัฐเพียงอย่างเดียว ผ่านการระดมทุนจากสมาชิกในกลุ่ม และจัดตั้ง บริษัทขอนแก่นพัฒนาเมือง (Khon Kaen Think Tank – KKTT)เพื่อดำเนินการวางแผนการแก้ไขปัญหาการจราจรในขอนแก่น จนนำมาสู่โครงการรถไฟฟ้ารางเบา จากพลังของการรวมกลุ่มขอนแก่นโมเดลทำให้เกิดบริษัทพัฒนาเมืองที่มีลักษณะเดียวกันหลายพื้นที่ เกิดแนวคิดรถรางในเมืองใหญ่อีก 12 แห่ง
นอกจากการนำเสนอขบวนการวมตัวกันของภาคประชาสังคมแล้ว อาจารย์ยังนำเสนอตัวอย่างพลเมืองเข้มแข็งที่เป็น “ปัจเจกชน” และสามารถแสดงตนในการสู้กับปัญหาที่เกิดขึ้น เช่น น้องแบม-ปณิดา ยศปัญญา ที่เป็นผู้ออกมาเปิดโปงขบวนการทุจริตเงินศูนย์คนไร้ที่พึ่ง จนนำไปสู่การตรวจสอบการทุจริตในหลายพื้นที่ เป็นต้น จะเห็นได้ว่าการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาของภาคสังคมสามารถทำได้หลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการขับเคลื่อนโดยปัจเจกชน และการขับเคลื่อนโดยการรวมกลุ่มกัน ซึ่งล้วนสามารถเป็นหนึ่งในพลังขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาสังคมได้
องค์ปาฐกอีกท่านที่น่าสนใจ ดร.ต่อภัสสร์ ยมนาค อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดร.ต่อภัสสร์ได้เล่าถึง “พลังประชาสังคมเพื่อการต่อต้านคอร์รัปชัน” โดยนำเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันโดยพลังพลเมือง ซึ่งมีความสอดคล้องกับดร.สมเกียรติว่า พลังพลเมืองสามารถทำได้ทั้งการรวมกลุ่ม และการแก้ไขปัญหาโดยปัจเจกชน โดยท่านได้ชี้ให้เห็นว่าแนวทางขับเคลื่อนในการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันของพลังพลเมืองที่จะประสบความสำเร็จจะต้องอาศัยปัจจัย 3 ประการดังนี้
ประการแรก พลังของคนที่มีความสนใจและอยากเข้าร่วมการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชัน พลังประชาชนมีได้ทั้งสองรูปแบบไม่ว่าจะเป็นแบบปัจเจกชนที่มีใจอยากร่วมแก้ไขปัญหาและรูปแบบของการรวมกลุ่มของประชาชนเพื่อเข้าร่วมแก้ไขปัญหา ข้อจำกัดของพลังภาคประชาชนเป็นเรื่องของการขาดความเชื่อมโยงแนวทางที่สามารถสร้างความร่วมมือกันได้ แต่ในปัจจุบันมีโครงการที่สามารถดึงพลังประชาชนเหล่านี้เข้าร่วมแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันได้ เช่น โครงการปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้านโดยองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ที่เป็นการปฏิบัติการสู้โกงโดยอาศัยพลังประชาชนในพื้นที่ต่างๆ เข้าร่วมอบรมเป็นหมาเฝ้าบ้านที่ค่อยสอดส่อง เสาะแสวงหา สืบค้น โครงการภาครัฐต่าง ๆ ที่มีความไม่ชอบมาพากลเพื่อนำเสนอสู่สังคมให้รับทราบและนำไปสู่การตรวจสอบโดยพลังประชาชน
อีกโครงการที่น่าสนใจจาก Investigative Journalism 
สู่เพจ “ต้องแฉ Must Share” เป็นโครงการที่เปิดพื้นที่ให้ประชาชนสามารถร่วมกันแชร์ข้อมูลทุจริตในพื้นที่ต่างๆ ผ่านเฟซบุ๊คเพจมีการให้ความรู้และข่าวสารเกี่ยวกับการคอร์รัปชันที่เกิดขึ้น มีประชาชนเข้ามาให้ข้อมูลและพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาคอร์รัปชันที่พบเจอในแต่ละพื้นที่ จนนำมาสู่การพัฒนาประชาชนให้เป็นพลเมืองที่มีความเป็น Active citizen ไม่เพิกเฉยเมื่อพบเห็นความผิดปกติที่อาจเกิดการทุจริตในโครงการรัฐพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ
ประการที่สอง ประชาชน อาจารย์ได้กล่าวถึงงานผลงานวิจัยที่มีการศึกษาว่าประชาชนในแต่ละช่วงอายุ หรือแต่ละท้องถิ่นมีความเข้าใจและความสนใจประเด็นคอร์รัปชันที่มีความแตกต่างกัน ประชาชนขาดช่องทางการร้องเรียนเรื่องคอร์รัปชันที่สะดวกและปลอดภัย ขาดความรู้ในการต่อต้านคอร์รัปชัน ซึ่งอาจารย์เห็นว่าหากต้องการให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชัน สิ่งที่ควรทำคือการทำความเข้าใจประชาชนในแต่ละวัยแต่ละพื้นที่ว่าเขาให้ความสำคัญและสนใจในปัญหาคอร์รัปชันด้านใด การให้ความรู้เกี่ยวกับปัญหาคอร์รัปชัน และการมีช่องทางที่ปลอดภัยและสะดวกต่อการใช้งานเพื่อเป็นช่องทางให้ประชาชนสามารถส่งเรื่องร้องเรียนเมื่อพบปัญหาคอร์รัปชัน หากมีการสนับสนุนตามแนวทางที่กล่าวมาข้างต้นก็สามารถทำให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันได้อย่างเต็มที่
ประการสุดท้าย สังคม จากงานวิจัยของ SiamLab คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีการชี้ให้เห็นว่าสังคมไทยขาดความโปร่งใสของข้อมูล ขาดการเปิดเผยข้อมูลให้สังคมรับรู้ จึงเป็นเรื่องดีที่ในปัจจุบันหลายหน่วยงานในประเทศไทยเริ่มมีการพัฒนาระบบ Big Open Data เพื่อเปิดเผยข้อมูลสาธารณะต่างๆ ให้ประชาชนเข้าถึงง่าย เช่น โครงการ ACT.AI ขององค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ซึ่งเป็นคลังข้อมูลสำหรับพลเมืองตื่นรู้สู้โกง และโครงการ Big Open Data เพื่อการต่อต้านคอร์รัปชัน ซึ่งเป็นความร่วมมือของหลายองค์กร ที่จะเป็นทั้งคลังข้อมูลสาธารณะและช่องทางรับเรื่องร้องเรียนของประชาชน
จากข้อมูลของนักวิชาการทั้งสองท่านที่ได้นำเสนอข้างต้น ผู้เขียนมีความเห็นว่าพลังทางสังคมเป็นส่วนหนึ่งที่สามารถขับเคลื่อนและแก้ไขปัญหาสังคมได้อย่างดี ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบของปัจเจกชนหรือการรวมตัวกันเป็นกลุ่มก็สามารถขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันได้ และในการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันของภาคประชาชน หากมีกลไกและแนวทางการสนับสนุนให้พลังประชาสังคมสามารถขับเคลื่อนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เหมือนกับติดอาวุธและเกราะให้พลเมืองตื่นรู้สู้โกง เช่น การสร้างบรรยากาศสังคมให้มีความโปร่งใสด้วยการเปิดเผยข้อมูลสาธารณะ มีการให้ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการคอร์รัปชัน และให้เครื่องมือที่ปลอดภัยและสะดวกกับประชาชนในการร้องเรียน พลังทางสังคมก็จะเป็นพลังขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันได้อย่างแน่นอน

 'นายกฯ'เข้าร่วมถกผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค รอบที่ 1 ดันเปิดกว้าง ส่งเสริมการมีส่วนร่วม-มุ่งสู่อนาคต
										'นายกฯ'เข้าร่วมถกผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค รอบที่ 1 ดันเปิดกว้าง ส่งเสริมการมีส่วนร่วม-มุ่งสู่อนาคต
									 อุดรธานีระทึก! ไฟไหม้รถตู้รับส่งนักเรียน โชคดีที่เด็กๆลงจากรถหมดแล้ว
										อุดรธานีระทึก! ไฟไหม้รถตู้รับส่งนักเรียน โชคดีที่เด็กๆลงจากรถหมดแล้ว
									 ของดีจากป่า 'เห็ดโคนจอมปลวก' พะเยาผุดแล้ว ชาวบ้านแห่หาสร้างรายได้พุ่ง 600 บาท/กก.
										ของดีจากป่า 'เห็ดโคนจอมปลวก' พะเยาผุดแล้ว ชาวบ้านแห่หาสร้างรายได้พุ่ง 600 บาท/กก.
									 โดนใจประชาชน! 'คนละครึ่งพลัส'ยอดใช้จ่ายรวมแล้วกว่า 3,000 ล้านบาท
										โดนใจประชาชน! 'คนละครึ่งพลัส'ยอดใช้จ่ายรวมแล้วกว่า 3,000 ล้านบาท
									 กทม. รับมอบ ‘สะพานนวัตกรรมคนไทย ข้ามคลองโอ่งอ่าง’ จาก SCG
										กทม. รับมอบ ‘สะพานนวัตกรรมคนไทย ข้ามคลองโอ่งอ่าง’ จาก SCG
									
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี