นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันไทยคม ให้บริการดาวเทียมอยู่ 2 ดวงคือ ไทยคม 5 ตำแหน่ง 78.5 องศาตะวันออกสำหรับแพร่ภาพสัญญาณทีวีดาวเทียมโดยขณะนี้ทรานสปอนเดอร์เต็มหมดแล้ว และอีกดวงคือไทยคม 4 (ไอพีสตาร์) ในตำแหน่ง 119.5 องศาตะวันออก ดังนั้น ในแผนงานของบริษัทอีก 2-3 ปีข้างหน้าจะมีการยิงดาวเทียมดวงใหม่อีก 3 ดวง ได้แก่ ไทยคม 7 มีกำหนดยิงในปลายเดือนส.ค.-ก.ย.นี้ ไทยคม 8 ในตำแหน่ง 78.5 องศาตะวันออก พร้อมยิงในปี 2559 และไทยคม 9 ตำแหน่ง 50.5 องศาตะวันออกแต่ยังไม่มีกำหนดยิง

               ในส่วนของไทยคม 7 ที่จะยิงเดือนหน้านี้มีมูลค่ามากกว่า 170 ล้านเหรียญดอลล่าร์ซึ่งไทยคมมีกำหนดชำระหนี้เป็นงวดๆดังนั้นบริษัทจึงมีแผนออกพันธบัตร (บอนด์) เป็นเงินมูลค่า 3,000-4,000 ล้านบาทเพื่อทำให้บริษัทมีความคล่องตัวด้านการเงินสำหรับการยิงไทยคมดวงอื่น และทำให้บริษัทมีกระแสเงินสดมากขึ้นจากปัจจุบันมีอยู่เฉลี่ยปีละ 3,000 ล้านบาท

                 ขณะเดียวกันจากการเติบโตในอุตสากรรมโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม เคเบิ้ล และการเปลี่ยนผ่านจากระบบอะนาล็อกมายังทีวีดิจิตอล ทำให้ไทยคมมีช่องทรานสปอนเดอร์ไม่เพียงพอกับความต้องการของผู้ประกอบการภายในประเทศที่เดิมให้บริการอยู่เพียงไทยคม 5 อย่างเดียว ดังนั้น              แผนเดิมไทยคม จะยิงไทยคม8 ในปี 2559 แต่อาจจะช้าเกินไปเพื่อรองรับความต้องการดังนั้นไทยคมจึงได้ขอหารือกับ คณะกรรมการกิจการวิทยุกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เพื่อหาดาวเทียมสำรอง (อินเทอร์ริม) ที่มีอยู่แล้วในวงโคจรหรือกำลังจะมีแผนยิงใน1-2เดือน เพื่อลากมาอยู่ชั่วคราวในวงโคจร 78.5 องศาตะวันออกและให้บริการไปชั่วคราวก่อนดวงจริงจะยิงขึ้นสู่วงโคจร”

                 ทั้งนี้ไทยคมจะดำเนินการขอใบอนุญาต เพื่อขอยิงดาวเทียมสำรองดวงที่ 8 เพื่อเปิดให้บริการก่อนที่จะยิงดาวเทียม 8 ในปี 2559  ซึ่งการขอนุญาต กสทช. จะต้องดำเนินการตามกระบวนการ

               สำหรับการเข้ามาทำงานของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นางศุภจี ระบุว่า เรื่องดังกล่าวเป็นผลดีกับไทยคมเพราะทำให้มีการจัดระเบียบช่องทีวีดาวเทียมที่ไม่มีความเหมาะสม อาทิ ลามก อนาจาร หรือการโฆษณาขายของเกินจริง และไม่ผ่านอย. เนื่องจากที่ผ่านมา การกระทำผิดดังกล่าวต้องรอให้ กสทช.เป็นผู้สั่งให้ปิดสถานีแต่ต้องใช้เวลานาน