กสทช.เตรียมเปิดประมูล‘เบอร์สวย’ คาดมีรายได้สูงถึง10,000ล้าน

แย้มเลขติดกัน099 999 9999

เมื่อวันที่ 5 ม.ค. 2558 นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) แถลงทิศทางการดำเนินงานในปี 2558 สำนักงาน กสทช. มีแผนจะดำเนินโครงการต่างๆ ที่เป็นประโยชน์กับประชาชน ได้แก่ แจกคูปองดิจิตอล ทีวี ให้ครบทั้ง 14.1 ล้านครัวเรือน ในปีนี้

ส่วนการประมูลคลื่นความถี่ 1800 เมกะเฮิรตซ์ (MHz) และ 900 (MHz) เพื่อนำประเทศไทยเข้าสู่การพัฒนาระบบ 4G LTE รองรับความต้องการใช้งานอินเตอร์เนตของประชาชนที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยังเป็นโครงสร้างพื้นฐานรองรับนโยบายเศรษฐกิจดิจิตอลอีโคโนมีของรัฐบาลอีกด้วย โดยขณะนี้ได้นำหนังสือขออนุญาตเปิดประมูลไปยัง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)เรียบร้อยแล้ว คาดว่ากรอบการประมูลจะเกิดขึ้นภายในวันที่ 17 ก.ค.2558 นับจากที่มีคำสั่งชะลอการประมูลของคสช.ออก ซึ่งเบื้องต้นมีความเป็นไปที่จะประมูลในช่วงไม่เกินเดือนส.ค.นี้ เพราะคลื่น 900 (MHz) ของ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส จะสิ้นสุดสัญญาสัมปทานกับ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ในวันที่ 30 ก.ย. 2558 ดังนั้น เพื่อไม่ให้เกิดมาตรการเยียวยาซ้ำสอง กสทช. จึงจำเป็นต้องจัดการประมูลในทันที

นายฐากรกล่าวอีกว่า ในช่วงเดือนเม.ย.2558 นี้ จะมีการจัดทำร่างหลักเกณฑ์การเปิดประมูลเลขสวย และคำนวณราคากลาง ด้วยการจัดเรียงที่เป็นที่นิยมทั้งเลขเดียวกันวางติดกัน 5 หลัก (089-12x-xxxx) 6 หลัก (081-2xx-xxxx) ที่มีการกำหนดราคาขายสูงมากในตลาดจนเกิดเป็นธุรกิจซื้อขายเลขหมายสวยขึ้นทั้งตามร้านค้าโทรศัพท์เคลื่อนที่ และบน เว็บไซต์ออกมาประมูลเพื่อนำเงินส่งรัฐเป็นรายได้แผ่นดิน ในเบื้องต้นประเมินว่าจะมีรายได้ราว 3,000-10,000 ล้านบาท โดยการนำเลขหมายสวยจำนวนกว่า 3 แสนเลขหมายออกประมูลเลขหมายครั้งนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนผู้สนใจสามารถเป็นเจ้าของได้ เช่นเดียวกับการประมูลเลขทะเบียนรถยนต์ โดยเลขหมายบางประเภทก็ไม่เคยมีการจำหน่ายในท้องตลาดมาก่อน เช่น เลขหมายที่เป็นตัวเหมือนติดกัน 9 ตัว (099 999 9999) 8 ตัว (098 888 8888) 7 ตัว (098 999 9999) และ 6 ตัว (091 199 9999) เพื่อให้ประชาชนทั่วไปที่ชื่นชอบเลขหมายสวยได้มีสิทธิมาเข้าร่วมการประมูลในครั้งนี้

นอกจากนี้ สำนักงาน กสทช.ได้ประสานไปยังรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เพื่อให้เสนอเข้าเป็นวาระที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ด้านการพัฒนาระบบการลงทะเบียนเพื่อแสดงตัวตนในการใช้งานอินเตอร์เนตแบบไร้สาย (ไวไฟ) โดยจะใช้หลักการลงทะเบียนเพียงครั้งเดียวให้สามารถแสดงตัวตนในการเข้าใช้งานไวไฟได้ทุกที่ทั่วประเทศ โดยในปี 2558 จะกำหนดให้ผู้ใช้บริการไวไฟต้องลงทะเบียนการใช้งาน เพื่อแสดงตัวตนและตรวจสอบยืนยันผู้ใช้งานจริง เพื่อร่วมกันสร้างความมั่งคงและปลอดภัยของสังคมไทย ลดการแอบอ้างข้อมูลส่วนตัวมาเข้าใช้งาน และหากมีการใช้งานอย่างไม่ถูกต้องหรือใช้ในการกระทำผิด เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ก็สามารถระบุตัวตนของผู้ใช้บริการได้อย่างแท้จริง