กลุ่มเซ็นทรัล มองสัญญาณเศรษฐกิจฟื้น เดินหน้าลงทุน 3.7 หมื่นล้านทั้งในและต่างประเทศ ลุยเปิดสาขาตามแถบชายแดนเตรียมเจาะตลาด AEC ตั้งเป้าปี’58 ธุรกิจโต 15% ทำรายได้ทะลุ 2.8 แสนล้าน

นายทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด เปิดเผยว่า กลุ่มเซ็นทรัลได้กำหนดเป้าหมายของการลงทุนในปี 2558 ไว้ที่ 37,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นการลงทุนที่ครอบคลุมทั้งในส่วนของการลงทุนทั้งในประเทศ และนอกประเทศ โดยเฉพาะในต่างประเทศซึ่งบริษัทได้วางนโยบายขยายสาขาในประเทศเพื่อนบ้าน หรือประเทศในสมาชิกอาเซียน โดยปีนี้ บริษัทมีแผนเปิดห้างโรบินสัน ใน ฮานอย, โฮจิมินห์ซิตี้ประเทศเวียดนาม และเปิดห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศ อินโดนีเซีย นอกจากนี้ ยังรวมถึงการเปิดห้าง ลา รินาเซนเต้ สาขาใหม่ที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นการต่อยอดหลังจากประสบความสำเร็จในการเปิดห้างสรรพสินค้า ลา รินาเซนเต้ (La Rinascente) ในประเทศอิตาลี

สำหรับในประเทศนั้นมีโครงการเปิดศูนย์การค้าและไลฟ์สไตล์เซ็นเตอร์แห่งใหม่โดยคำนึง ถึงศักยภาพของตลาดในกรุงเทพฯและปริมณฑล เพื่อรองรับการขยายตัวของกรุงเทพฯ โดยในปี 2558 จะเปิดศูนย์การค้าซึ่งประกอบด้วย โครงการเซ็นทรัล เวสต์เกต (Central Westgate) ที่บางใหญ่ โครงการเซ็นทรัลเฟสติวัล อีสท์ วิลล์ (Central Festival East Ville) บนถนนประดิษฐ์มนู โครงการโรบินสัน ไลฟ์สไตล์เซ็นเตอร์ ศรีสมาน อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี

และหัวเมืองในต่างจังหวัดอีก 2 แห่งประกอบด้วยโครงการบุรีรัมย์ ไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์ ที่จะรองรับการหลั่งไหลเข้ามาจับจ่ายใช้สอยสินค้าอุปโภคบริโภคของชาวกัมพูชา รวมทั้งนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชา, เซ็นทรัลพลาซา ระยอง ซึ่งจะเป็นศูนย์การค้าที่ทันสมัยที่สุดของจังหวัดระยอง เนื่องจากจังหวัดนี้จะเป็นศูนย์กลางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ที่นี่จะเป็น Gateway แห่งภาคตะวันออก สู่กัมพูชา-เวียดนาม ซึ่งในอนาคตจะได้รับประโยชน์จากโครงการ Megaproject ของภาครัฐ ทั้งรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ-ชลบุรี-ระยอง มอเตอร์เวย์สายชลบุรี-พัทยา-มาบตาพุด อาเซียนไฮเวย์ สาย R10 เส้นทางเลียบชายฝั่งด้านใต้ (Southern Coastal Corridor) ไทย (กรุงเทพฯ-ตราด)–กัมพูชา–เวียดนาม

นอกจากนี้ ยังมีโครงการ แม่สอด ไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์ เพื่อรองรับกำลังซื้อมหาศาลจากประเทศเมียนมาร์ ซึ่งข้อมูลจากหอการค้า จ.ตาก ประเมินว่า หลังจากก้าวสู่การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซีในปี 2558 มูลค่าการค้าชายแดนบริเวณ ด่านการค้าชายแดนแม่สอด-เมียวดีจะเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 50,000 ล้านบาทต่อปี สินค้าที่มีโอกาสขยายการส่งออกผ่านด่านชายแดนดังกล่าว จะเป็นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคทุกประเภท โดยชาวเมียนมาร์ถือว่าสินค้าจากประเทศไทยเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ

“ภาพรวมเศรษฐกิจในปี 2558 เริ่มกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง สังเกตได้จากช่วงตรุษจีนที่ผ่านมา กำลังซื้อกลับมาสูงขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มทัวร์จากประเทศจีน มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นกว่า 40% นับว่าการท่องเที่ยวไทยเริ่มฟื้นตัว รวมถึงการพัฒนาด้านต่างๆ รองรับการค้าชายแดน ซึ่งกำลังขยายตัวมากเพื่อรองรับการเปิดเออีซี อย่างเต็มรูปแบบ ทำให้คาดว่าจะมีกำลังซื้อจากประเทศกลุ่มอาเซียนเพิ่มขึ้นด้วย กลุ่มเซ็นทรัลจึงเตรียมเปิดสาขาเพิ่มในจังหวัดติดพื้นที่ชายแดนที่มี ศักยภาพอีกจำนวน 5 แห่ง ได้แก่ เชียงราย มุกดาหาร หาดใหญ่ อุดรธานี และแม่สอด จ.ตาก”

บริษัทมีแผนที่จะเปิดธุรกิจในกลุ่มออนไลน์อย่างชัดเจน โดยเพิ่มรายการสินค้าซื้อขายจาก 5 หมื่นรายการ เป็น 1.5 แสนรายการภายในสิ้นปีนี้ เพื่อเพิ่มช่องทางอย่างเป็นทางการ คาดว่าจะช่วยเพิ่มยอดขายให้แก่กลุ่มเซ็นทรัลได้มากกว่า 800 ล้านบาทในปีนี้ สำหรับปัจจัยเสี่ยง ปีนี้เรายังให้ความสำคัญกับปัญหาในต่างประเทศ ทั้งภาวะเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะรัสเซียและกรีซที่ยังมีปัญหา ขณะที่ปัญหาหนี้ครัวเรือนภายในประเทศ ยังไม่มีผลกระทบมากนัก อย่างไรก็ดีกลุ่มเซ็นทรัลกำหนดเป้าหมายของการขยายตัวของกลุ่มธุรกิจในปีนี้ที่ประมาณ 15% หรือมียอดขายรวม 286,680 ล้านบาท

สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2557 แม้สถานการณ์ทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมืองจะไม่เอื้อต่อการขยายตัวของตลาดค้าปลีกในประเทศไทย แต่กลุ่มเซ็นทรัลยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยมีผลประกอบการรวม 249,548 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.6% ส่วนของการขยายสาขาเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ คือเปิดศูนย์การค้า 2 แห่ง ห้างสรรพสินค้าอีก 5 แห่งทั่วประเทศและเปิดโรงแรมเพิ่มอีก 2 แห่งรวมถึงสาขาของกลุ่มธุรกิจค้าปลีกต่างๆ ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามแผนที่วางไว้