7รายยื่นขอนาโนไฟแนนซ์

แบงก์ชาติฟุ้งช่วยรากหญ้าพ้นหนี้นอกระบบ

นายจิรเทพ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงความคืบหน้าการยื่นใบสมัครจดทะเบียนทำธุรกิจปล่อยกู้นาโนไฟแนนซ์ ตั้งแต่วันที่ 26 ม.ค.-24 ก.พ. 2558 ว่า ล่าสุดมีผู้สนใจยื่นขอจดทะเบียนมาแล้วทั้งสิ้น 7 ราย โดยยื่นเป็นเอกสารมา 5 ราย และอีก 2 ราย กำลังตรวจสอบเอกสาร ซึ่งบริษัทที่ยื่นขออนุญาตจดทะเบียนเป็นเอกสาร 5 ราย และอีก 2 ราย กำลังตรวจสอบเอกสาร

ทั้งนี้ 5 รายที่ยื่นเอกสารขออนุญาตจดทะเบียน ได้มีการพูดคุยและอยู่ระหว่างขั้นตอนการปรับเอกสาร ซึ่งหากภายหลังที่ปรับเอกสารเรียบร้อยแล้ว ธปท.จะได้พิจารณาได้ให้เร็วที่สุด ซึ่งรวมกับเวลาที่กระทรวงการคลังจะพิจารณาแล้วใช้เวลาไม่เกิน 60 วัน โดยบริษัทดังกล่าวจะต้องประกอบธุรกิจภายใน 1 ปี หลังจากที่ได้รับใบอนุญาต

สำหรับเงื่อนไขการกู้เงินจากนาโนไฟแนนซ์นั้น ผู้ให้บริการจะปล่อยกู้ให้รายย่อยในวงเงินไม่เกินรายละ 1 แสนบาท อัตราดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 36 ต่อปี หรือไม่เกินร้อยละ 3 ต่อเดือน

รายงานข่าวจาก ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้มีผู้สนใจสอบถามข้อมูลในการสมัครเป็นผู้ให้บริการสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ เข้ามาจำนวนมาก ซึ่งเป็นทั้งผู้ให้บริการสินเชื่อที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (นอนแบงก์) เดิม และผู้ให้บริการสินเชื่อรายใหม่ ซึ่งอยู่หัวเมืองต่างจังหวัด โดยคาดว่าใน 2 สัปดาห์จะทราบชัดเจนว่ามีผู้สนใจสมัครมากน้อยแค่ไหน และจะช่วยลดหนี้นอกระบบได้แค่ไหน โดยในขณะนี้จากการสำรวจของ ธปท. พบว่า มีครัวเรือนที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินในระบบได้ในปี 2556 มีทั้งสิ้น 1.3 ล้านครัวเรือน

ทั้งนี้ สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์เป็นสินเชื่อที่ให้กับบุคคลเพื่อนำไปประกอบอาชีพ โดยไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน รวมทั้ง อาจจะไม่มีบัญชีงบดุล หรือรายได้ที่ชัดเจน แต่ในกรณีที่ลูกค้ามีคุณสมบัติที่จะได้รับสินเชื่อบุคคล อัตราดอกเบี้ย 28% ผู้ประกอบการก็ควรให้สินเชื่อที่ดอกเบี้ยต่ำกว่าก่อน ยกเว้นคุณสมบัติไม่ได้จึงจะมาที่สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ที่ดอกเบี้ย 36%

“การให้สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ ไม่ได้ต้องการให้ประชาชนกู้ไปใช้จ่าย แต่ต้องกู้ไปสร้างอาชีพ เป็นหนี้ที่มีโอกาสที่จะได้คืนมาเป็นรายได้ นอกจากนั้น ในการขออนุญาตการปล่อยสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ ธปท.จะพิจารณาแผนการดำเนินการของผู้ประกอบการด้วยว่า มีความระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อมากแค่ไหน และกลุ่มเป้าหมายเป็นใคร เพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์อย่างแท้จริง”