จับกระแสพลังงาน : 26 สิงหาคม 2568

จับกระแสพลังงาน : 26 สิงหาคม 2568

วันอังคาร ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2568, 02.00 น.

** บมจ.ไทยออยล์...คาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบรอบวันที่ (22-28 สิงหาคม 2568)...โดยระบุว่าราคาน้ำมันดิบยังคงผันผวนเนื่องจากตลาดจับตาการเจรจาหยุดยิงระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งยังไร้ความชัดเจน แม้มีความพยายามผลักดันการประชุมทวิภาคีโดยตรงก็ตาม ขณะเดียวกันมาตรการการคว่ำบาตรทุติยภูมิต่อรัสเซีย ส่งผลให้อินเดียลดการนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซียลงกว่า 24% ในเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา ในขณะที่เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มคาดว่าจะบรรลุเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ 5% ได้ภายในปี 2568 นี้ ซึ่งอาจช่วยให้ความต้องการใช้น้ำมันโลกให้เติบโตมากขึ้นได้ นอกจากนี้สถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางจากปฏิบัติการของกองทัพอิสราเอลในกาซา ยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงด้านอุปทานน้ำมัน...ไทยออยล์...คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 60-70 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล...ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 63-73 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล...

** บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO Group สามารถสร้างผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2568 ด้วยการรับรู้รายได้รวม 22,198 ล้านบาท มีกำไรจากการดำเนินงานรวม 3,504 ล้านบาท ในขณะที่มีกำไรสุทธิ 5,734 ล้านบาท...ดังนั้นประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2568 มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล จากผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2568 ในอัตราหุ้นละ 3.25 บาท ซึ่งมีอัตราเทียบเท่ากับเงินปันผลระหว่างกาลปีที่ผ่านมา หรือคิดเป็นอัตราเงินปันผลตอบแทนประมาณ 6% โดยมีกำหนดจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 19 กันยายน 2568...


** บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ บริษัท เชาว์ ไบรท์ เวนเจอร์ส โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ CHOW ผู้ดำเนินธุรกิจลงทุนในพลังงานทดแทนประเภทพลังงานแสงอาทิตย์ ผ่านบริษัทในเครือ เชาว์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน)....ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อพัฒนาและติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ให้กับคู่ค้าของล็อกซเล่ย์ทั่วประเทศ รวมกำลังการผลิตกว่า 36 เมกะวัตต์ โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 3 ปี...ขณะที่ นายสุรช ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์เซลล์) ให้กับบริษัทคู่ค้าทั่วประเทศ ไม่เพียงช่วยเพิ่มสัดส่วนการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน แต่ยังเป็นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในทุกขั้นตอนของห่วงโซ่อุปทานของบริษัทอย่างเป็นรูปธรรม โดยความร่วมมือนี้จะดำเนินการผ่านโมเดลสัญญาซื้อขายไฟฟ้าแบบ PPA (Power Purchase Agreement) ที่ช่วยให้คู่ค้าสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีพลังงานสะอาดได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องลงทุนค่าอุปกรณ์ ค่าติดตั้ง หรือค่าบำรุงรักษาระบบใดๆทั้งสิ้น และคู่ค้าที่เข้าร่วมโครงการจะชำระเพียงค่าไฟฟ้าที่ผลิตจากระบบโซลาร์เซลล์ตามระยะเวลาที่กำหนดในสัญญา ในอัตราที่ต่ำกว่าค่าไฟฟ้าปกติ ส่งผลให้สามารถลดต้นทุนด้านพลังงานได้ทันที...

** ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) มีมติเห็นชอบแนวทางบริหารจัดการโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เพื่อทดแทนโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าแม่เมาะทดแทนเครื่องที่ 8-9 โดยกำหนดให้ 1.เลื่อนแผนการปลดโรงไฟฟ้าแม่เมาะเครื่องที่ 8 และ 11 จากวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ไปเป็นวันที่ 31 ธันวาคม 2574 หรือจนกว่าการปรับปรุงเครื่องที่ 12 และ 13 จะแล้วเสร็จ (ประมาณปี 2574) และ 2.ดำเนินการปรับปรุงโรงไฟฟ้าแม่เมาะเครื่องที่ 12 และ 13 พร้อมเลื่อนแผนการปลดออกไปจนถึงปี 2591 โดยจะหยุดเดินเครื่องชั่วคราว (ไม่จ่ายไฟเข้าระบบ) ระหว่างการปรับปรุงในช่วงปี 2569-2574 แนวทางนี้จะช่วยให้ลดการลงทุน ใช้ทรัพยากรภายในประเทศอย่างคุ้มค่า ลดการนำเข้า Spot LNG และลดผลกระทบค่าไฟฟ้าต่อประชาชน โดยคาดว่าจะสามารถลดค่า Ft ได้ประมาณ 3.67 สตางค์ต่อหน่วย หรือคิดเป็นมูลค่าลดลงราว 9,566 ล้านบาทต่อปี และมอบหมายให้ กฟผ. เสนอเรื่องขอยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2565 เกี่ยวกับโครงการโรงไฟฟ้าแม่เมาะทดแทนเครื่องที่ 8-9  นอกจากนี้ยังเห็นชอบการขยายอายุการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมน้ำพอง ชุดที่ 1 และ 2 ออกไปอีก 6 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2574 เพื่อให้สอดคล้องกับอายุสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติ และรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทั้งนี้การขยายอายุการเดินเครื่องครั้งนี้ จะช่วยลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้าสุทธิได้ประมาณ 28,358 ล้านบาท ตลอดระยะเวลา 6 ปี...พร้อมกันนี้  ที่ประชุม กพช.ยังได้มีมติเห็นชอบแนวทางการลดค่าไฟฟ้าสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยแบบอัตราปกติ โดยให้ชำระค่าไฟฟ้าไม่เกินอัตราค่าไฟฟ้าที่ กกพ. ประกาศ เรียกเก็บตามรอบค่า Ft ในแต่ละรอบโดยเริ่มตั้งแต่งวดเดือนกันยายน-ธันวาคม 2568 เป็นต้นไป ซึ่งในงวดเดือนกันยายน-ธันวาคม 2568 อยู่ที่หน่วยละ 3.94 บาท…

**บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.)  ได้รับการจัดอันดับให้เป็นแบรนด์ที่มีมูลค่าสูงสุดในประเทศไทยต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 (ตั้งแต่ปี 2021-2025) จาก Brand Finance บริษัทที่ปรึกษาด้านการประเมินมูลค่าแบรนด์ชั้นนำของโลก ด้วยมูลค่าแบรนด์ 9.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโตขึ้นจากปีที่ผ่านมา 11%...ตอกย้ำความแข็งแกร่งในฐานะผู้นำด้านพลังงานของประเทศที่ได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน ส่งผลให้มีการเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยยึดหลักการทำงานด้วยความโปร่งใสและมีธรรมาภิบาล ควบคู่กับการดูแลผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างสมดุล…**

** กระบองเพชร**

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top