นายพงศ์พสุ อุณาพรหม ผู้อำนวยการใหญ่สายงานการตลาด บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมอุตสาหกรรมธุรกิจการขายตรงในช่วง 4 เดือนแรกปี 2558 ว่า มีการเติบโต 3-5% จากที่ผ่านมาจะมีการเติบโตเฉลี่ยสูงถึง 7% ต่อปี อย่างไรก็ตามเชื่อว่าหากปัญหาแชร์ลูกโซ่หมดไป ทุกอย่างจะกลับมาดีขึ้น

ส่วนกรณีของบริษัท ยูฟัน สโตร์ จำกัด สัญชาติมาเลเซีย ซึ่งเข้ามาตั้งสำนักงานในไทย และมีการออกสกุลเงินเองเรียกว่า “ยู โทเคน” (U Token Cash) ใช้แทนสกุลเงินปกติ แต่อยู่ในรูปแบบดิจิตอล ซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราในโลกออนไลน์ และกำลังถูกดำเนินคดีในขณะนี้นั้น บริษัทขายตรงที่ดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้อง จำเป็นต้องให้ความรู้กับสมาชิกของบริษัท เพื่อสร้างภาพลักษณ์และความเข้าใจในธุรกิจขายตรงให้ชัดเจนมากขึ้น

นอกจากนี้สมาคมการขายตรงไทย (TDSA) ยังได้ร่วมมือกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ในการเผยแพร่วิธีการพิจารณาธุรกิจขายตรง ให้กับประชาชนตามชุมชนต่างๆได้รับทราบข้อมูล ก่อนตัดสินใจร่วมสมัคร พร้อมทั้งแนะนำหน่วยงานที่มีหน้าที่รับเรื่องร้องเรียนด้วย

“ปัจจุบันแชร์ลูกโซ่ต่างๆพยายามที่จะพัฒนาระบบของตนให้ถูกต้องตามกฎหมาย ดังนั้นการที่แต่ละบริษัทมีสินค้ามานำเสนอขาย ไม่ใช่คำตอบว่า ใช่หรือไม่ใช่ระบบขายตรง แต่ถ้ามีการชักชวนเพื่อให้นำเอาเงินไปลงทุน แล้วบอกว่ามีผลตอบแทน นั่นหมายความว่าระบบดังกล่าวเริ่มมีความเสี่ยงแล้ว ซึ่งปัจจุบันยังมีบริษัทขายตรงในรูปแบบแชร์ลูกโซ่อีกหลายบริษัท แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ของยูฟันฯขึ้นมา ก็อาจจะเงียบไประยะหนึ่ง ซึ่งสมาคมฯคงไม่สามารถชี้นำหน่วยงานภาครัฐให้ไปดำเนินคดีได้ คงได้แต่เพียงตอบคำถามและให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับหน่วยงานภาครัฐที่สอบถามมาเท่านั้น”นายพงศ์พสุ กล่าว

ในส่วนของกิฟฟารีนเองนั้น เนื่องจากกำลังซื้อที่ชะลอตัว ส่งผลให้กิฟฟารีนฯชะลอการสร้างสำนักงานสาขาที่จังหวัดเชียงราย บนพื้นที่ 1 ไร่ มูลค่าการลงทุนประมาณ 30-40 ล้านบาท ออกไปอีก 1 ปี ส่วนการขยายธุรกิจไปตลาดต่างประเทศนั้น ในไตรมาส 4 ปี 2558 มีแผนจะรุกตลาดอินโดนีเซีย ด้วยการร่วมทุนกับนักธุรกิจในท้องถิ่น เพื่อก่อตั้งบริษัท พีที กิฟฟินโด จำกัด ถือเป็นประเทศที่ 5 ที่กิฟฟารีนเข้าไปดำเนินธุรกิจ จากก่อนหน้านี้เข้าไปแล้วในกัมพูชา เมียนมาร์ ลาว และมาเลเซีย ซึ่งการรุกตลาดต่างประเทศ จะทำให้กิฟฟารีนมีรายได้รวมในปี 2558 เพิ่มขึ้นเป็น 5,800-5,900 ล้านบาท เติบโต 10% จากปี 2557 ที่มีรายได้ 5,400 ล้านบาท เป็นรายได้จากต่างประเทศ 200 ล้านบาท