ตัวเลขเงินเฟ้อ เดือนสิงหาคม ลดลงอีก 0.23% จากปีก่อน และลดลง 1.19% จากเดือนก่อนลดลงต่อเนื่องกันเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน กระทรวงพาณิชย์ อ้างไม่ใช่ภาวะเงินฝืด เหตุราคาน้ำมันลดลงต่อเนื่อง ส่งผลราคาสินค้าต่ำลงตามต้นทุนด้านพลังงาน แต่การบริภคของประชาชนยังมีอยู่ตามปกติ
นายสมเกียรติ ตรีรัตนพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศเดือน ส.ค. 2558 ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศเดือน ส.ค. 2558 เท่ากับ 106.33 ลดลง 0.23% เมื่อเทียบกับปีก่อน และลดลง 1.19%เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่งผลให้ 8 เดือน (ม.ค.-ส.ค. 2558)อัตราเงินเฟ้อลดลง 0.89% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศยังคงปรับลดลงต่อเนื่อง ตามราคาน้ำมันดิบดูไบราคาลดลง ราคาก๊าซหุงต้มที่ปรับตัวลดลง รวมถึงราคาอาหารสดก็ปรับลดลง เพราะสินค้ามีเพียงพอต่อการบริโภค ตอนนี้ตัวเลขต่างๆ ตามสมมุติฐานของกระทรวงฯ ของจริงมันต่ำกว่าที่เราตั้งไว้ ดังนั้นเดือนหน้าคงจะต้องทบทวนเป้าหมายเงินเฟ้อของปีนี้กันใหม่ แนวโน้มก็คงต้องปรับลดลงกว่าคราวก่อน
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ยืนยันว่าเงินเฟ้อที่ลดลง ยังไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืดเห็นได้จากจำนวนรายการสินค้าที่ปรับขึ้นราคามีทั้งสิ้น 148 รายการ ซึ่งยังมากกว่าสินค้าที่ลดราคาลง ที่มีจำนวน 111 รายการ ขณะที่รายการสินค้าที่ไม่เปลี่ยนแปลงราคามีจำนวน 191 รายการ นอกจากนี้ การที่ราคาสินค้าโดยทั่วไปมีราคาถูกลง ก็เป็นผลมาจากต้นทุนการผลิตลดลง แต่การที่ประชาชนจับจ่ายน้อยลงอาจจะมาจากความไม่มั่นใจในภาวะเศรษฐกิจ ไม่ใช่เป็นเพราะเข้าสู่ภาวะเงินฝืดแต่อย่างใด
“แม้อัตราเงินเฟ้อจะติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8แต่ยังไม่ถือว่าเป็นภาวะเงินเฟ้อ เพราะอัตราเงินเฟ้อลดจากราคาต้นทุนที่ลดลงตามราคาน้ำมัน ทำให้ราคาสินค้าที่ลดลง แต่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ที่ไม่รวมราคาอาหารสดและพลังงาน ยังเป็นบวก โดยยังขยายตัว0.89% เมื่อเทียบกับปีก่อน แสดงถึงการบริโภคของประชาชนยังคงมีอยู่ ประชาชนมีการใช้จ่าย แต่ผู้บริโภคอาจมีการระมัดระวังการใช่จ่ายมากขึ้น เพราะความไม่มั่นใจเศรษฐกิจ แต่ทั้งนี้การที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังเป็นบวก ก็คงจะพูดไม่ได้ว่าเป็นเงินฝืด”
สำหรับการเคลื่อนไหวของสินค้าสำคัญ 450 รายการ ในเดือน ส.ค. 2558 มีสินค้าที่ราคาสูงขึ้น 148 รายการ เช่น ข้าวสารเจ้า ปลาทู ไข่ไก่ หอมหัวแดงอาหารโทรสั่ง เนื้อสุกร ไก่สด เป็นต้น ขณะที่สินค้าราคาไม่เปลี่ยนแปลงมี 191 รายการ และสินค้าที่ราคาลดลง 111 รายการ เช่น ปลานิล ผักชี น้ำมันเชื้อเพลิงค่าโดยสารรถประจำทางปรับอากาศ ก๊าซหุงต้ม ยาสีฟัน น้ำยาล้างจาน เป็นต้น ทั้งนี้ดัชนีราคาผู้บริโภค หมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ดัชนีสูงขึ้น 0.09% ส่วนหมวดอื่นๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ดัชนีลดลง 0.39%
อย่างไรก็ตาม ในเดือนหน้า ทางกระทรวงพาณิชย์จะมีการทบทวน ปรับคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั้งปีอีกครั้ง และแนวโน้มน่าจะมีการปรับลดลงต่ำกว่าคาดการณ์เดิมที่มองว่าจะขยายตัว 0.6-1.3% เนื่องจากสมมุติฐานเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้มีการปรับเปลี่ยนจากเดิมมาก ซึ่งเดิมมองว่า จีดีพี จะขยายตัวที่ 3-4% ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกอยู่ที่ 50-60 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล และอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 32-34 บาทต่อเหรียญสหรัฐ แต่จากการประเมินเบื้องต้นมองว่าแนวโน้มราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 47.75 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งต่ำกว่าปีก่อนถึง 25% และราคาน้ำมันน่าจะทรงตัวอยู่ในระดับต่ำจะไม่ขยับขึ้นได้ในช่วงปลายปี ดังนั้น อัตราเงินเฟ้อทั้งปี 2558 น่ามีแนวโน้มต่ำกว่าที่คาการณ์เดิม เพราะราคาน้ำมันถือเป็นปัจจัยที่มีน้ำหนักมากที่ส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อของไทย
“ตอนนี้ราคาน้ำมันอ่อนตัวลงไปเยอะ ช่วงนี้น้ำมันอิหร่านก็จะมาอีก และน่าจะขายแบบไม่สนใจราคาเชลล์ออยก็จะเริ่มมา ซึ่งอาจจะกดให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกต่ำลงอีก เดิมเราเคยคาดว่าปลายปีช่วงฤดูหนาวราคาน้ำมันจะเริ่มปรับขึ้น แต่ตอนนี้แนวโน้มแบบนั้นคงไม่เกิดในปีนี้แล้ว”
ส่วนการที่รัฐบาลมีนโยบายใช้งบประมาณจำนวน 1.1 ล้านล้านบาท อัดฉีดเข้าสู่ระบบผ่านโครงการต่างๆ นั้น มองว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจ และมีผลต่ออัตราเงินเฟ้อบ้างแต่ไม่มาก ซึ่งต้องมีการติดตามว่าเงินสามารถเข้าสู่ระบบได้เร็วแค่ไหน เพราะแต่ละโครงการจะเห็นผลอีก 3-4 เดือน
นอกจากนี้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยเคยติดลบครั้งล่าสุดเมื่อปี 2552 โดยติดลบ 0.9% เนื่องจากในช่วงปีนั้นมีการใช้โครงการประชานิยมเช่น รถไฟฟรี รถเมล์ฟรี ทำให้ต้นทุนการใช้จ่ายประชาชนลดลง รวมถึงราคาน้ำมันมีราคาต่ำด้วย ซึ่งช่วงนั้นราคาน้ำมันดิบอยู่ในระดับต่ำประมาณ50 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และหากว่าในปี 2558 อัตราเงินเฟ้อติดลบ ก็จะถือว่าเป็นการติดลบครั้งแรกในรอบ 6 ปี
“หากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของปีนี้ต้องติดลบจริง ก็ไม่ถือว่าเป็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง เพราะเป็นผลมาจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ทรวงตัวในระดับต่ำ ในทางกลับกันสิ่งที่ควรจะต้องเป็นห่วงมากกว่าคือ ราคาน้ำมันลดลงแล้วแต่สินค้าอื่นๆ
ไม่ปรับลง ซึ่งเท่ากับเป็นการไม่สะท้อนตามต้นทุนที่เปลี่ยนไป”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี