นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทปตท. หรือ PTT เปิดเผยว่าปี 2560 ปตท.และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิรวม 135,180 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 42.9% คิดเป็นกำไร 46.74 บาทต่อหุ้น โดยเป็นกำไรจากการดำเนินงานเฉพาะในส่วนของปตท. 74,552 ล้านบาทซึ่งปตท.จะเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นจ่ายเงินปันผลรวมปี 2560 ในอัตรา 20 บาทต่อหุ้น ขณะที่นำรายได้ส่งรัฐรวมประมาณ 71,300 ล้านบาท
ทั้งนี้ เนื่องจากราคาน้ำมันดิบอ้างอิงตลาดดูไบเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 28.8% จาก 41.3 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เป็น 53.2 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ส่งผลให้ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ น้ำมันและปิโตรเคมีเพิ่มขึ้นตามสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ดีขึ้น ประกอบกับบริษัทได้เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานสามารถเดินเครื่องได้โดยไม่มีการหยุดชะงัก สร้างกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษีสูงถึง 30,000 ล้านบาท ทั้งการเพิ่มรายได้และลดค่าใช้จ่ายดำเนินการและค่าใช้จ่ายลงทุน รวมทั้งเงินบาทที่แข็งค่าในช่วงปลายปี ทำให้มีกำไรทางบัญชีจากอัตรแลกเปลี่ยนถึง 13,700 ล้านบาท
นายเทวินทร์กล่าวว่า ปตท.ได้จัดทำแผนลงทุน 5 ปี (2561-2565) วงเงิน 3.4 แสนล้านบาท ครอบคลุมการขยายโครงสร้างพื้นฐานในการวางระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติเส้นที่ 5 คลังรับก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) การปรับโครงสร้างธุรกิจค้าปลีก ขยายธุรกิจไปต่างประเทศ รวมทั้งศึกษาธุรกิจใหม่ในอุตสาหกรรมเป้าหมายในพื้นที่พัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งบริษัทได้เตรียมงบสำรองเฉพาะในส่วนนี้ไว้เพิ่มอีกประมาณ 2.4 แสนล้านบาท และยังอยู่ระหว่างศึกษาการใช้ ประโยชน์ความเย็นจากคลังรับแอลเอ็นจีเพื่อทำห้องเย็นสำหรับผลไม้ที่จังหวัดระยองด้วย
ทั้งนี้ ปตท.ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ถึงมติที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัท ครั้งที่ 2/2561 เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2561 มีมติอนุมัติให้บริษัทเข้าซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ไออาร์พีซี หรือ IRPC จากธนาคารออมสินจำนวน 1,950,000,000หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท คิดเป็นสัดส่วน 9.54% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ IRPC ในราคาหุ้นละ 7.10 บาท รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 13,845,000,000.00 บาท ผ่านตลท. ส่งผลให้บริษัทถือหุ้นเพิ่มเป็น 48.05%
นอกจากนี้ บริษัทประเมินว่าการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ส่งสัญญาณดอกเบี้ยขาขึ้น รวมถึงการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันนั้นนอกเหนือปัจจัยควบคุม โดยอัตราดอกเบี้ยของบริษัทมีทั้งอิงกับอัตราดอกเบี้ยลอยตัวและคงที่ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทมากนัก โดยยังไม่มีแผนระดมทุนแต่อย่างใดส่วนปัจจัยเรื่องราคาน้ำมัน บริษัทก็พยายามบริหารจัดการสามารถรองรับได้ทั้งขาขึ้น-ขาลง โดยคาดว่าปีนี้ราคาน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 60-65 เหรียญหสรัฐต่อบาร์เรล
ส่วนความคืบหน้าในการโอนทรัพย์สินให้กับบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก หรือ PTTOR ว่า อยู่ระหว่างเตรียมการคัดเลือกทรัพย์สินที่จะโอนให้ PTTOR คาดจะเริ่มโอนทรัพย์สินบางส่วนได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมนี้ เพื่อสามารถพัฒนาโลโก้ที่เป็นอัตลักษณ์ของ PTTOR เป็นสมบัตินำไปต่อยอดในผลิตภัณฑ์หรือสินค้าอื่นๆ ได้เอง คาดว่าจะสามารถยื่นคำเสนอรายการจดทะเบียนในตลท. (ไฟลิ่ง) ได้ช่วงครึ่งหลังของปีนี้ และคาดจะเปิดขายหุ้นใหม่ แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไอพีไอ)ได้ช่วงครึ่งหลังของปี 2562
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี