นายมงคล พฤกษ์วัฒนา อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม กล่าวว่าในปี 2561 กรมโรงงานอุตสาหกรรม ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการจัดการกากอุตสาหกรรมตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางอย่างครบวงจรอันได้แก่ ผู้ก่อกำเนิดของเสีย (Waste Generator: WG) ผู้ขนส่งของเสีย (Waste Transporter : WT) และผู้บำบัด กำจัด และรีไซเคิลของเสีย (Waste Processor : WP) ล่าสุดจึงได้ปรับปรุงข้อกฎหมายภายใต้ พ.ร.บ.โรงงาน เกี่ยวกับการขออนุญาตและการอนุญาตนำสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วออกบริเวณโรงงาน (สก.2) เพื่อให้การจัดการกากอุตสาหกรรมเกิดการพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพและครอบคลุม เพิ่มอีก 3 ฉบับ
กฎหมายดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2561 ประกอบด้วย 1. การกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการขออนุญาตและการอนุญาต สก.2 ผ่านระบบ E-license และ Auto E-license โดยกำหนดขั้นตอนขออนุญาตและการอนุญาต รวมถึงกำหนดคุณสมบัติของผู้ก่อกำเนิดของเสีย และผู้บำบัด กำจัด และรีไซเคิลของเสีย
2.การกำหนดชนิด ประเภทและรหัสของเสีย รวมถึงวิธีกำจัด ของสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วออกนอกบริเวณโรงงาน สำหรับระบบ Auto E-license เพิ่ม จำนวน 402 รายการ หรือคิดเป็น 50% ของรายการของเสียอุตสาหกรรมทั้งหมด และ 3. การรับรองผู้บำบัดและกำจัดสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว และการกำหนดคุณสมบัติของผู้รับบำบัดหรือกำจัดกาก(WP) ที่จะเข้าใช้งานระบบ Auto
E-license โดยต้องผ่านการรับรอง Green Industry ระดับที่ 3 ขึ้นไปได้รับการรับรองมาตรฐานโรงงานจัดการกากอุตสาหกรรม ระดับเหรียญทอง และต้องมีการดำเนินการบำบัด/กำจัดในกระบวนการที่ขอรับรองไม่น้อยกว่า 1 ปี
ทั้งนี้คาดว่ากากขยะอุตสาหกรรมจากในปริมาณทั้งหมดกว่า 24 ล้านตัน ตามตัวชี้วัดในปีงบประมาณ 2561 จะเข้าระบบได้มากขึ้น จากปัจจุบันเข้าระบบแล้วกว่า 9 ล้านตัน และมีการพิจารณาเป็นมาตรฐานเดียวกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจติดตามและกำกับดูแล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี