เมื่อเร็วๆ นี้ทางสมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้วได้มีการจัดกิจกรรมใหญ่ขึ้นนั่นคือ “งานสัมมนาวิชาชีพครั้งที่ 2” ประจำปี พ.ศ 2561 ซึ่งกิจกรรมครั้งนี้มีเพื่อนสมาชิกสมาคมจากทั่วประเทศเข้าร่วมแสดงพลังความสามัคคีโดยมีการตอบรับเข้าร่วมงานสัมมนาอย่างพร้อมเพรียงกัน นอกจากนี้ทางสมาคมฯ ยังได้รับแรงสนับสนุนที่ดีจากหน่วยงานภาครัฐ และผู้สนับสนุนภาคเอกชนต่างๆ ที่เล็งเห็นถึงเจตนารมณ์ที่ดีของสมาคมโดยมีการส่งผู้แทนเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวอีกด้วย
นายวิสุทธิ์ เหมพรรณไพเราะ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว เปิดเผยแผนการจัดงานสัมมนาวิชาชีพในปี พ.ศ. 2561 ว่า มีการจัดไตรมาสละ 1 ครั้ง รวมเป็น 3 ครั้ง โดยจัดไปแล้ว 2 ครั้ง คือ ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคมที่ผ่านมา ในหัวข้อการบริหารจัดการด้านบัญชี และภาษี รวมทั้งกฎหมายใหม่ด้านภาษีสำหรับผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว และล่าสุดเมื่อวันที่ 9 สิงหาคมที่ผ่านมา ในหัวข้อกฎหมายใหม่กับหน้าที่ปฏิบัติของผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว ซึ่งจัดที่ศูนย์ประชุมวายุภักษ์ โรงแรมเซ็นทรา บายเซ็นทาราศูนย์ราชการและคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ
ซึ่งทั้ง 2 ครั้งที่ผ่านมาได้รับการตอบรับที่ดีจากเพื่อนสมาชิกจากทั่วประเทศ เข้าร่วมในการสัมมนากว่า 350 ท่าน ซึ่งการสัมมนาวิชาชีพทุกครั้งทางสมาคมฯ ได้รับการสนับสนุนจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เป็นผู้สนับสนุนหลักดำเนินการจัดงานร่วมกันบนแนวทางเพื่อการพัฒนาวิชาชีพรถยนต์ใช้แล้วสู่มาตรฐานระดับสากล
สำหรับการสัมมนาวิชาชีพครั้งที่ 2 ที่จัดไปเมื่อวันที่ 9 สิงหาคมนั้น นับว่าเป็นการสัมมนาที่สำคัญมากต่อผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว อย่างที่กล่าวไปเพราะเป็นหัวข้อที่เกี่ยวกับกฎหมายสำคัญ ทั้งกฎหมายเก่า และกฎหมายใหม่ที่มีผลกระทบต่อผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้วโดยตรง การสัมมนาได้แบ่งออกเป็น 4 ช่วง คือ
1.การเสวนา “โครงการรณรงค์การใช้ฉลากรถยนต์ใช้แล้ว และหลักฐานการรับเงินที่ถูกต้องภายใต้ตราสัญลักษณ์ของสมาคมฯ”
การเสวนาในครั้งนี้ได้รับเกียรติจากคุณดาลัด รยะสวัสดิ์ รักษาการผู้อำนวยการกลุ่มตรวจสอบภายใน มาให้คำแนะนำการเขียนฉลากรถยนต์ใช้แล้ว และหลักฐานการรับเงินที่ถูกต้องให้กับผู้เข้าร่วมสัมมนา นอกจากนี้สมาคมฯยังได้เชิญสมาชิกตัวอย่างในโครงการรณรงค์การใช้ฉลากรถยนต์ใช้แล้วฯ ที่มาแชร์ข้อคิด และมุมมองดีๆ จากการเข้าร่วมโครงการฯ ต่อเพื่อนสมาชิกสมาคมฯ คือ ดร.ภวิต ธีรธัชวัฒนกุล จาก พีพีคาร์ (เต็นท์กลางนา ขวัญใจมหาชน คนจนทั่วประเทศ) จ.ปทุมธานี/จ.เลย, คุณเบญจพล ประจง จาก ร้านดีว่าคาร์ พระยาสุเรนทร์กรุงเทพมหานคร, คุณสุวัฒนชัย อุปพันธ์ จาก หจก. รถบ้านภูมิเจริญ จ.กาฬสินธุ์ และคุณรังสรรค์ ชุมวระ จากร้านสุราษฎร์ ออโต้เซอร์วิส ครับผม จ.สุราษฎร์ธานี ตามที่ได้ฟังเสียงจากเพื่อนสมาชิกที่เข้าร่วมโครงการฯ ผมเห็นได้ถึงความภาคภูมิใจของเพื่อนสมาชิกที่มีต่อสมาคมฯ เห็นความเชื่อมั่นของเพื่อนสมาชิกที่พร้อมที่จะเดินตามนโยบายของสมาคมฯ
2.การเสวนา “กฎหมายว่าด้วยประกาศ สคบ. 2561 ให้ธุรกิจให้เช่าซื้อรถยนต์เป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา และผลกระทบต่อธุรกิจรถยนต์ใช้แล้ว”
การเสวนาในหัวข้อนี้ทางสมาคมฯได้รับเกียรติจากวิทยากรรับเชิญ ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐและสถาบันการเงิน ที่มาร่วมแชร์ข้อมูล อธิบายใจความสำคัญของประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่องธุรกิจให้เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์เป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง พร้อมกับบอกเล่าผลกระทบจากประกาศฯ หรือความเข้าใจผิดๆ ในสื่อต่างๆ ต่อธุรกิจรถยนต์ใช้แล้ว ให้เพื่อนสมาชิกสมาคมฯ วิทยากรทั้ง 3 ท่าน คือคุณดาลัด รยะสวัสดิ์ รักษาการ ผอ.กลุ่มตรวจสอบภายใน สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.), คุณมานะ บุญส่ง หัวหน้าฝ่ายควบคุม กองคุ้มครองผู้บริโภคด้านสัญญา สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และผู้บริหารจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
จากเนื้อหาในการเสวนาจะเห็นได้ว่าประกาศใหม่ที่ออกมาควบคุมเรื่องสัญญาการเช่าซื้อรถยนต์ และรถมอเตอร์ไซค์ ของสคบ. ปรับแก้ให้ ผู้ให้เช่าซื้อ (บริษัท ธนาคาร ฯลฯ) ต้องส่งเอกสารแจ้งลูกค้าในแต่ละขั้นตอนมากขึ้น กล่าวคือ ก่อนยึด-ประมูลรถ ต้องแจ้งทุกฝ่าย และให้มีการแสดงตารางค่างวด (เงินต้น+ดอกเบี้ย+ภาษี) ให้ลูกค้าดู ตามตารางแนบท้ายประกาศฯ ที่สำคัญเบี้ยปรับเวลาลูกค้าค้างชำระก็ถูกลง เหลือไม่เกิน 15% ซึ่งเป็นการทำความเข้าใจใหม่ว่าดอกเบี้ยไม่ได้ถูกลง และไม่ใช่แบบลดต้นลดดอกตามข่าวที่ปรากฏในสื่อต่างๆ ทั้งนี้ทั้งนั้นท้ายที่สุดแล้ว จุดสำคัญอยู่ที่ ผู้บริโภคต้องทำความเข้าใจ และมีความรับผิดชอบในการก่อภาระหนี้ทุกครั้ง ต้องอ่านสัญญาก่อนเซ็นชื่อเสมอ ส่วนผู้ประกอบการฯ เองก็ต้องมีความรู้ความเข้าใจ เพื่อให้คำแนะนำ และอธิบายให้ลูกค้าเข้าใจในตัวประกาศฉบับนี้ได้อย่างถูกต้องด้วยเช่นกัน
3.หัวข้อการสัมมนา “ความรู้ความเข้าใจ และแนวทางการปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมายว่าด้วยการปราบปรามการฟอกเงิน”
การสัมมนาในหัวข้อนี้ทางสมาคมฯได้รับเกียรติจากวิทยากรรับเชิญจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) คุณวิลาวัลย์ ลิมปนะวรรณกูล ผู้อำนวยการส่วนพัฒนานโยบายกองกำกับ และตรวจสอบที่มาบรรยายให้ความรู้ความเข้าใจต่อผู้เข้าร่วมสัมมนาด้วยตนเอง ซึ่งในการสัมมนาดังกล่าวท่าน ผอ.วิลาวัลย์ได้กล่าวถึงที่มาความสำคัญของกฎหมาย ตลอดจนหน้าที่พร้อมทั้งแนวทางปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินของผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว หรือผู้ที่มีหน้าที่รายงานตามมาตรา 16 (5) ซึ่งในส่วนนี้เป็นเรื่องที่น่ายินดีเพราะหน้าที่ส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการฯ ปฏิบัติในการทำงานโดยปกติอยู่แล้ว
จะมีเพียงแค่บางเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจ และเพิ่มเติมในขั้นตอนการทำงานอาจจะกระทบต่อการทำงานอยู่บ้าง แต่สมาคมฯก็ยินดีที่จะปฏิบัติตามที่กฎหมายได้กำหนดไว้ ซึ่งทางสมาคมฯก็ได้ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการสัมมนาครั้งนี้แนะนำคณะกรรมการฝ่ายปฏิบัติการตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ที่เป็นผู้แทนภูมิภาคต่างๆ พร้อมทั้งประกาศภารกิจของคณะกรรมการเฉพาะกิจชุดนี้ให้กับสมาชิกได้รู้จักและรับทราบเพื่อการดำเนินงานต่อไป
และหัวข้อที่ 4 ของการสัมมนาในวันนี้จะเป็นกิจกรรมพิเศษในการประชาสัมพันธ์งานแรลลี่สมาคมฯครั้งที่ 3 เส้นทางกรุงเทพฯ-พัทยา
นับเป็นงานแรลลี่ที่ใหญ่ที่สุดที่มีผู้เข้าร่วมแข่งขันมากกว่า 200 คัน พร้อมกับการบอกเล่าความทรงจำดีๆ และประสบการณ์ในการจัดงานแรลลี่ในปี 2560 ที่ผ่านมา เส้นทางกรุงเทพฯ-เขาใหญ่ โดยคุณชำนาญ เสมาทัต ประธานชมรมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้วจังหวัดสระบุรี ในฐานะเจ้าภาพที่เป็นแม่งานหลักในการจัดงานครั้งที่ผ่านมา พร้อมกับส่งมอบธงเจ้าภาพต่อให้กับ คุณมนต์ชัย ศรีเพชรนัย ประธานชมรมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้วจังหวัดชลบุรี รับประกันความสนุก ความประทับใจไม่แพ้ครั้งที่ผ่านมาแน่นอนครับ
การสัมมนาในวันนี้สำเร็จลุล่วงได้ด้วยดีต้องขอขอบพระคุณธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด ผู้สนับสนุนหลักที่เดินเคียงข้างในการจัดงานสัมมนาร่วมกับสมาคมฯมาโดยตลอด และขอขอบพระคุณผู้ร่วมการสนับสนุนทุกๆ ท่าน ได้แก่ เว็บไซต์ ONE2CAR, WSMART, เว็บไซต์ KAIDEE.COM, ASIA CARE และ GPS 24 hr.
ในปีนี้ทางสมาคมฯได้รับเกียรติจากท่านพลตำรวจตรีประสิทธิ์ เฉลิมวุฒิศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ให้เกียรติมาเป็นที่ประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ของสมาคมฯของเรา เพื่อให้คำแนะนำด้านกฎหมาย ชี้แนะแนวทางปฏิบัติร่วมกันในการดำเนินงานต่างๆ ของสมาคมฯ นับเป็นเกียรติยศที่น่าภาคภูมิใจที่แสดงให้เห็นถึงการยอมรับนับถือที่ภาครัฐมีให้กับสมาคมฯ นับเป็นข่าวดีในโอกาสครบรอบ 5 ปีของสมาคมฯ ในเดือนกันยายนที่จะถึงเลยทีเดียวครับ
นายวิสุทธิ์ กล่าวต่อว่า ในปี 2561 โครงการสำคัญที่ทางสมาคมฯได้ทำงานร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) คือ “โครงการรณรงค์การใช้ฉลากรถยนต์ใช้แล้ว และหลักฐานการรับเงินที่ถูกต้องภายใต้ตราสัญลักษณ์ของสมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว” โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ
1.เพื่อประชาสัมพันธ์ ให้ความรู้ ความเข้าใจต่อผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้วในการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้บริโภค เกี่ยวกับการใช้ฉลากรถยนต์ใช้แล้ว และหลักฐานการรับเงินที่ถูกต้อง
2.เพื่อสร้างความเชื่อมั่น และทัศนคติที่ดีในการซื้อขายรถยนต์ใช้แล้วของสมาชิกสมาคมฯต่อผู้บริโภค
3.เพื่อเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงความแตกต่างของคุณภาพสินค้า และบริการของสมาชิกสมาคมฯกับผู้ประกอบการทั่วไป และเป็นการประชาสัมพันธ์สมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้วให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น
โดยตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-สิงหาคมที่ผ่านมา สมาคมฯได้มีการประชาสัมพันธ์โครงการให้กับผู้บริโภคได้รับรู้ถึงความสำคัญของฉลากรถยนต์ใช้แล้ว และหลักฐานการรับเงิน และการประชาสัมพันธ์ถึงวิธีปฏิบัติที่ถูกต้องให้เพื่อนสมาชิกเพื่อเป็นมาตรฐานเดียวกันอย่างต่อเนื่อง ในการนี้ท่านพลตำรวจตรีประสิทธิ์ เฉลิมวุฒิศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ในฐานะที่ปรึกษาของโครงการฯ ได้มอบหมายให้คุณดาลัดรยะสวัสดิ์ รักษาการผู้อำนวยการกลุ่มตรวจสอบภายใน ร่วมกับคณะกรรมการสมาคมฯ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม เพื่อให้คำแนะนำผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้วในเขตพื้นที่ต่างๆ ได้แก่ จังหวัดระนอง, จังหวัดชลบุรี และพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล (ถนนกาญจนาภิเษก, ถนนศรีนครินทร์ และเขตมีนบุรี) ซึ่งเร็วๆ นี้จะมีลงพื้นที่เพื่อตรวจเยี่ยมในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี และจังหวัดนครสวรรค์อีกด้วย
ทางสมาคมฯมีความตั้งใจที่ส่งเสริมให้สมาชิกในสมาคมฯปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย และพร้อมที่จะสนับสนุนสมาชิกที่เข้าร่วมโครงการฯ โดยได้มีการลงประชาสัมพันธ์สมาชิกในสื่อของสมาคมฯ มาโดยตลอดในส่วนของผู้บริโภคถ้าอยากจะซื้อรถยนต์ใช้แล้วจากผู้ประกอบการรายต่างๆ ได้อย่างมั่นใจ ให้สังเกตง่ายๆ จากฉลากรถยนต์ใช้แล้วที่ติดที่ตัวรถยนต์ภายในโชว์รูม ถ้าเป็นฉลากสีฟ้าที่มีโลโก้รูปโล่ที่เป็นตราสัญลักษณ์ของสมาคมฯให้มั่นใจได้เลยว่าผู้ประกอบการรายนั้นๆ เป็นสมาชิกที่ผ่านการคัดกรองจากสมาคมฯ ว่ามีการประกอบธุรกิจโดยสุจริต โปร่งใส และถูกต้องตามกฎหมายครับ มาร่วมกันสนับสนุนผู้ประกอบการที่ทำดี ถูกต้องตามกฎหมายด้วยกันนะครับ นอกจากความร่วมมือต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) แล้ว ในปีนี้ทางสมาคมฯยังได้สร้างความร่วมมือต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินอีกด้วย
สำหรับกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินนับว่าเป็นกฎหมายใหม่สำหรับผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้วเลยทีเดียว ก่อนหน้านี้กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินผู้ประกอบการหลายท่านคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัวมาโดยตลอด จากที่ได้ทำงานและประสานงานร่วมกับหน่วยงาน ปปง. มาตั้งแต่ปี 2559 จนถึงปัจจุบัน ทำให้รู้ว่ากฎหมายการฟอกเงินนั้นใกล้ตัวกว่าที่คิด เพราะกฎหมายได้ประกาศออกแล้วว่ากำหนดหน้าที่ให้ผู้ประกอบอาชีพตามมาตรา 16 ทั้ง 10 ประเภท เช่น ผู้ค้าขายอัญมณี เพชร พลอย ทองคำ ผู้ค้าของเก่า ผู้ประกอบอาชีพบัตรเครดิตที่มิใช่สถาบันการเงิน เป็นต้น ต้องทำการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงของลูกค้าจากเดิมที่กำหนดเป็นหน้าที่เฉพาะของผู้ประกอบอาชีพ ให้คำแนะนำหรือที่ปรึกษาในการทำธุรกรรมที่เกี่ยวกับการลงทุน และผู้ประกอบอาชีพเกี่ยวกับการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้นที่มีหน้าที่ทำการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงของลูกค้า
ซึ่งทางสมาคมฯเห็นความสำคัญในตัวบทกฎหมาย และพร้อมที่จะปฏิบัติตามหน้าที่ที่กฎหมายกำหนดไว้เพื่อแสดงตนว่าเราคือผู้ประกอบการที่ดี มีความโปร่งใส จึงได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการเฉพาะที่ดำเนินงานหลักเกี่ยวกับกฎหมายการฟอกเงินจากทุกภูมิภาค เข้าประสานงานกับหน่วยงาน ปปง. เพื่อสร้างความร่วมมือระหว่างกัน โดยมีภารกิจดังนี้
1. สมาคมฯจะเป็นองค์กรกลางที่เป็นผู้แทนจาก ปปง. ในการประชาสัมพันธ์ ให้คำแนะนำเกี่ยวกับกฎหมาย และข้อมูลข่าวสารต่างๆ จาก ปปง. สู่ผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้วภายในสมาคมฯทุกภูมิภาค
2. สมาคมฯจะเป็นองค์กรกลางที่ช่วยในการจัดฝึกอบรม ร่วมกับ ปปง. (มี 2 หลักสูตร)
2.1 จัดอบรมให้ความรู้ และทำ Workshop เกี่ยวกับวิธีการปฏิบัติต่างๆ ให้ถูกต้องตามกฎหมายของ ปปง.
2.2 จัดอบรมเกี่ยวกับกฎหมาย (แบบเข้มข้น) โดยวิทยากรของ ปปง. ตามกฎหมายไม่ต่ำกว่า 10 ชม. ซึ่งสมาคมจะเป็นผู้จัดอบรมและเชิญสมาชิกจากทั่วประเทศเข้าร่วมอบรม พร้อมกับเชิญวิทยากรจาก ปปง. มาบรรยาย
3. สมาคมจะร่วมกับ ปปง. ในการลงพื้นที่สัญจรในภูมิภาคต่างๆ ในการตรวจเยี่ยม เพื่อแนะนำผู้ประกอบการในการปฏิบัติที่ถูกต้อง
“นับว่าเป็นมิติใหม่ในการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐ และภาคเอกชนในรูปแบบบูรณาการผมเชื่อว่ากฎหมายใดก็ตามที่ภาครัฐออกมา มันจะเกิดผลกระทบทั้งด้านบวกและลบต่อภาคเอกชน ผู้ประกอบการ และประชาชนแน่นอน ดังนั้นภาครัฐต้องให้เวลาในการทำความเข้าใจและปรับตัว เมื่อทุกฝ่ายมีความเข้าใจแล้วจะสามารถปฏิบัติตามได้อย่างแน่นอน ซึ่งผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทางสมาคมฯ จะได้รับความไว้วางใจจากภาครัฐในการสร้างความร่วมมือ และดำเนินงานร่วมกันเช่นนี้ต่อไปในอนาคตครับ” นายวิสุทธิ์ กล่าวในตอนท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี