นางกุลณี อิศดิศัย อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยถึงตัวเลขจดทะเบียนธุรกิจตั้งใหม่ทั่วประเทศเดือนสิงหาคมมียอด 6,446 ราย เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม 2561 จำนวน 5,964 ราย เพิ่มขึ้น 482 ราย คิดเป็น 8% และเมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม 2560 จำนวน 7,159 ราย ลดลง 713 ราย คิดเป็น 10%
ประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 583 ราย คิดเป็น 9% รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 369 ราย คิดเป็น 6% และอันดับ 3 คือ ธุรกิจภัตตาคาร / ร้านอาหาร 177 ราย คิดเป็น 3% มูลค่าทุนธุรกิจจัดตั้งใหม่เดือนสิงหาคม 2561 จำนวน 23,233 ล้านบาท เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม 2561 จำนวน 26,354 ล้านบาท ลดลง 3,121 ล้านบาท คิดเป็น 12% และเมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม 2560 จำนวน 47,354 ล้านบาท ลดลง 24,121 ล้านบาท คิดเป็น 51%
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ทั้งสิ้น (ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2561) ธุรกิจที่ยังคงดำเนินกิจการอยู่ทั่วประเทศ 710,587 ราย มูลค่าทุน 17.96 ล้านล้านบาท จำแนกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด / ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล 184,739 ราย คิดเป็น 26.00% บริษัทจำกัด 524,639 ราย คิดเป็น 73.83% และบริษัทมหาชนจำกัด 1,209 ราย คิดเป็น 0.17%
ส่วนธุรกิจเลิกประกอบกิจการเดือนสิงหาคม 1,740 ราย เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม 2561 จำนวน 1,688 ราย เพิ่มขึ้น 52 ราย คิดเป็น 3% และเมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม 2560 จำนวน 1,755 ราย ลดลง 15 ราย คิดเป็น 1% ประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 163 ราย คิดเป็น 9% รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 103 ราย คิดเป็น 6% ส่งผลให้มูลค่าทุนธุรกิจเลิกประกอบกิจการเดือนสิงหาคม 2561 มีจำนวนทั้งสิ้น 10,156 ล้านบาท เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม 2561 จำนวน 6,282 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,874 ล้านบาท คิดเป็น 62% และเมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม 2560 จำนวน 7,845 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,311 ล้านบาท คิดเป็น 29%
อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์ตลอดปี 2561 โดยในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา (มกราคม-สิงหาคม) มีการจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัท 49,958 ราย เพิ่มขึ้น 878 ราย คิดเป็น 2% เมื่อเทียบกับในช่วงเดียวกันของปีก่อน 49,080 ราย ซึ่งมีทิศทางสอดคล้องกับภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่ขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ที่ดีจากภาคการส่งออก รวมถึงการบริโภคภายในประเทศที่ขยายตัว ซึ่งเกิดจากความเชื่อมั่นในสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของผู้บริโภค ตลอดจนการวางแนวทางในการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีส่วนช่วยในการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจในรูปแบบนิติบุคคลจะช่วยให้ธุรกิจมีโอกาสที่เพิ่มขึ้น ทั้งด้านการขอสินเชื่อกับสถาบันการเงิน การได้รับการลดหย่อนภาษี และเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือ
ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีต่อธุรกิจ รวมทั้งมีโอกาสเข้าถึงความช่วยเหลือของภาครัฐมากยิ่งขึ้น และจากการที่กรมได้ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเข้ามาจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล โดยปรับลดความยุ่งยากของขั้นตอนการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล โดยลดขั้นตอนการเริ่มต้นธุรกิจโดยการรวมขั้นตอนการจองชื่อและจดทะเบียนนิติบุคคลออนไลน์เป็นขั้นตอนเดียวกัน และลดอัตราค่าธรรมเนียมสำหรับห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัดที่ยื่นผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ มีผลใช้บังคับวันที่ 21 เมษายน 2561 จากเดิม 5,500 - 275,000 บาท เป็น 5,500 บาท อัตราเดียว และการจดทะเบียนออนไลน์ e-Registration 3,850 บาท ดังนั้นจึงเชื่อว่าการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจตลอดปี 2561 มีไม่น้อยกว่า 80,000 ราย แน่นอน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี