nn ในที่สุดดีลซื้อกิจการพลังงานดีลหนึ่งที่สังคมจับตากันมาหลายสัปดาห์ก็ล่มจนได้...เมื่อคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)....มีมติเป็นเอกฉันท์ไม่อนุมัติกรณีบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ ปตท.เข้าซื้อหุ้น ร้อยละ 69.11 ในบริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) หรือ GLOW…ซึ่งเหตุที่ กกพ. มีมติดังกล่าวเนื่องจากพิจารณาแล้วเห็นว่า อาจเข้าข่ายขัดต่อพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 ในเรื่องของการส่งเสริมการแข่งขัน ซึ่งกฎหมายมีรายละเอียดกำหนดไว้ชัดเจนในหลายมาตรา.... ทั้งนี้ GPSC มีแผนจะซื้อกิจการ GLOW ซึ่งเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ด้วยมูลค่าราว 1.4 แสนล้านบาท โดยแบ่งเป็นการซื้อหุ้นจากกลุ่ม Engie Global Development B.V. (Engie) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้น GLOW จำนวน 69.11% ในวงเงินรวม 9.59 หมื่นล้านบาท….
nn ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.)...ได้พิจารณามาตรการรองรับภาวะระดับราคาน้ำมันตลาดโลกผันผวนในระดับสูง....เพื่อลดผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน ผ่านกลไกการบริหารเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีอยู่ในขณะนี้วงเงินประมาณ 24,592 ล้านบาท เพื่อดูแลราคาดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร โดยกำหนดมาตรการไว้ 2 แนวทาง ได้แก่...1.กรณีราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ประมาณ 85 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หรือกรอบ 82.50-87.50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จะใช้เงินกองทุนน้ำมันฯชดเชยดีเซลจากปัจจุบันไม่เกิน 1 บาทต่อลิตรเป็นระดับไม่เกิน 1.50 บาทต่อลิตร ซึ่งจะส่งผลให้เงินกองทุนน้ำมันฯ สามารถดูแลราคาดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร รวมถึงการดูแลราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ที่ตรึงไว้ระดับ 363 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม (กก.) จนถึงเดือนมีนาคม 2562…2.กรณีฉุกเฉินที่อาจเกิดวิกฤติระดับราคาน้ำมันแพงในระยะสั้นๆ ที่อาจเกินระดับ 90 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล โดยจะใช้มาตรการผสมผสานระหว่างเพิ่มเพดานการชดเชย การเพิ่มราคาขายปลีกดีเซลให้เกิน 30 บาทต่อลิตร และหรือเสนอกระทรวงการคลังปรับลดภาษีสรรพสามิตดีเซลลงมา...แต่ว่าก่อนที่เลือกใช้แนวทางไหน...ก็ต้องรอถึงช่วงก่อนและหลังวันที่ 4 พ.ย.ที่มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐต่ออิหร่านจะเริ่มมีผลบังคับ...ว่าราคาน้ำมันดิบตลาดโลกจะเป็นอย่างไร....
nn กระทรวงพลังงาน....คาดว่าการจัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าระยะยาว (PDP) ฉบับใหม่ หรือ PD P2018 ที่จะสิ้นสุดในปี 2580...จะดำเนินการแล้วเสร็จในปลายปีนี้ โดยเบื้องต้นประมาณการความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (Peak) 61,965 เมกะวัตต์ (MW) จากปี 60 ที่อยู่ระดับ 34,102 เมกะวัตต์....ในส่วนนี้จะรวมความต้องการใช้ไฟฟ้าจากในส่วนของกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้าแบบผลิตเองใช้เอง (Isolated Power Supply : IPS) และกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายเล็ก ที่ขายไฟฟ้าตรงโดยไม่ผ่านระบบ (SPP direct) ซึ่งในปี 2560 อยู่ที่ระดับ 3,800 เมกะวัตต์ และคาดว่าจะเพิ่มเป็นราว 8,000 เมกะวัตต์ ในปี 2580...ทั้งนี้ ตามแผนการจัดหากำลังผลิตไฟฟ้าจะมีรูปแบบผสมผสาน โดยยังคงต้องมีกำลังผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงหลัก ซึ่งจะมาจากกำลังการผลิตไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และการผลิตไฟฟ้าของผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (IPP) รวมถึงจะมีสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด (renewable) ราว 30% ในระดับเดิม....รวมถึงการจัดทำแผนจะแยกเป็นรายภาค เพื่อให้เกิดการลงทุนและเพิ่มความมั่นคงเป็นรายภาค ตลอดจนจะมีความยืดหยุ่นมากขึ้น...
nn ผลการดำเนินงานงบรวมในไตรมาส 3/61…ของ บมจ.ปตท. (PTT)… อาจถูกกระทบจากการบันทึกค่าใช้จ่ายภาษีจากกำไรการโอนทรัพย์สินธุรกิจน้ำมันและค้าปลีกให้กับ บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (PTTOR) เมื่อต้นเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา...แม้จะรับรู้กำไรพิเศษจากการโอนทรัพย์สินดังกล่าวด้วย แต่จะไม่ถูกนำมาบันทึกในงบการเงินสำหรับงบรวม เพราะถือว่าเป็นการทำรายการระหว่างกัน ในกลุ่ม....แต่ในส่วนงบเดี่ยวจะบันทึกทั้งในส่วนของกำไรจากการโอนทรัพย์สินและค่าใช้จ่ายภาษีจากกำไรดังกล่าวด้วย...nn
กระบองเพชร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี