เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2561 สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.)จัดงานเสวนา “ก้าวต่อไปกับการพัฒนาอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายไทย”
นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายเป็นอุตสาหกรรมพื้นฐานสำคัญต่อการปฏิรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มตามแนวนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ด้วยมาตรการพัฒนาอุตสาหกรรมชีวภาพ(Bio Economy)ปี 2561-2570 โดยไทยที่ตั้งเป้าหมายยกระดับให้ไทยเป็น ศูนย์กลางเศรษฐกิจชีวภาพของอาเซียน ( Bio Hub of ASEAN) ภายในปี 2570 โดยผลิตภัณฑ์เป้าหมายคือพลาสติกชีวภาพ เคมีชีวภาพ และชีวเภสัชภัณฑ์ ฯลฯ
สำหรับอุตสาหกรรมชีวภาพ หรือ อุตสาหกรรมส่วนต่อยอดจากอุตสาหกรรมเกษตร อาทิ พลังงานชีวภาพ เช่น ไบโอดีเซล เอทานอล และผลิตภัณฑ์ชีวภาพ เช่น พลาสติกชีวภาพ เคมีชีวภาพ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ฯลฯ
รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า สำหรับการสนับสนุนเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2561 คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบร่างแก้ไขพ.ร.บ.อ้อยและน้ำตาลทรายฯแล้วขณะนี้อยู่ระหว่างการตีความจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งคาดว่ากระบวนการต่างๆ เหล่านี้จะเสร็จได้ในช่วงกุมภาพันธ์ 2562 ซึ่งระเบียบดังกล่าวจะเอื้อต่อการนำอ้อยและน้ำอ้อยไปผลิตอุตสาหกรรมชีวภาพได้ ซึ่งเบื้องต้นมีนักลงทุนทั้งจากไทยและต่างประเทศได้เข้าหารือที่จะมาลงทุนหลายราย
นายอุตตมกล่าวว่า เพื่อให้อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายเข้มแข็งสอน.ได้มีการได้จัดตั้ง ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายทั้ง 4 ภาค คือ ชลบุรี กาญจนบุรี กำแพงเพชร และอุดรธานี ให้พร้อมสู่การเป็นศูนย์แห่งการวิจัย และพัฒนาร่วมกับเอกชน และเตรียมที่จะมีการจัดตั้งศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมชีวภาพจังหวัดชลบุรี ที่จะเชื่อมโยงกับศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรม 4.0 (ICT) ของกระทรวงอุตสาหกรรมในการพัฒนาบุคลากร ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ที่เกี่ยวข้อง ฯลฯ
นางวรวรรณ ชิตอรุณ เลขาธิการ สอน. กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้บริหารจากหลายบริษัทสนใจในการนำน้ำตาลไปผลิตอุตสาหกรรมไบโอชีวภาพทั้งไทยและต่างประเทศเพิ่มขึ้นได้แก่ บริษัท คอร์เบียน(Corbion) จากสแกนดิเนเวีย, เนเจอร์เวิร์ค จากสหรัฐอเมริกา, พูแรค (ประเทศไทย) จำกัด, กลุ่มน้ำตาลเบียร์ช้าง, กลุ่มมิตรผล เป็นต้น
“เนเจอร์เวิร์ค ที่จะร่วมทุนกับเครือปตท.ได้ส่งเจ้าหน้าที่มาคุยเพื่อหารือถึงที่ตั้งโรงงานซึ่งเขามองไว้หลายแห่ง ปตท.เองก็อยากให้มาไทย ซึ่งเขาเองก็ต้องการความมั่นคงถึงปริมาณในอนาคตว่าจะมีเพียงพอหรือมีเสถียรภาพมากน้อยเพียงใดซึ่งเราเองยืนยันถึงแผนงานที่กำหนดเป้าหมายในเรื่องของการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตทั้งผลผลิตต่อไร่ น้ำตาลต่อตัน ให้มากขึ้น”นางวรวรรณกล่าว
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยอมรับว่าราคาน้ำตาลทรายตลาดโลกตกต่ำรัฐจึงจำเป็นจะต้องดูแลชาวไร่อ้อยบนพื้นฐานที่ไม่ขัดกับระเบียงองค์การการค้าโลก (WTO) ซึ่งล่าสุดครม.ได้อนุมัติเงินช่วยเหลือเป็นปัจจัยการผลิตให้ชาวไร่ตันละ 50 บาท วงเงินประมาณ 6,500 ล้านบาท เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบราคาอ้อยตกต่ำฤดูปี’61/62 ที่กำหนดไว้ 680 บาทต่อตัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี