นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ได้นำคณะผู้บริหาร กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) กระทรวงพลังงานและสื่อมวลชนเข้าศึกษาดูงานภายในโรงงานผลิตไฟฟ้าจากขยะ ของบริษัท แซมบ์คอร์ป จำกัด (Sembcorp) ซึ่งตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมจูล่ง ประเทศสิงคโปร์ เพื่อเป็นแนวทางการส่งเสริมการนำขยะมาเป็นเชื้อเพลิงสำหรับประเทศไทย ตามแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก หรือ AEDP 2015 ที่อยู่ภายใต้แผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ หรือ PDP 2015
ทั้งนี้ โรงงานดังกล่าว มีศักยภาพการผลิตไฟฟ้า-ไอน้ำที่ใช้ขยะด้วยเทคโนโลยีในกระบวนการผลิตที่ทันสมัย ซึ่งสามารถกำจัดขยะได้ 140 ตันต่อชั่วโมง โดยขยะที่นำมาใช้ในกระบวนการเผาต้องเป็นขยะที่คัดแยกแล้ว และต้องนำมาผสมกับเศษไม้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเชื้อเพลิงก่อนเข้าเตาเผา ซึ่งโรงไฟฟ้าขยะดังกล่าว ใช้เทคโนโลยีใกล้เคียงกับประเทศไทย เพียงแต่แตกต่างในหลักการและวิธีการจัดหาขยะ และสิงคโปร์มีต้นทุนต่ำกว่า
สำหรับโรงไฟฟ้าขยะที่ประเทศสิงคโปร์ทำหน้าที่เป็นผู้รับจ้างกำจัดขยะ โดยคิดอัตราค่าจ้างประมาณ 90 เหรียญสิงคโปร์ต่อตัน หรือ ประมาณ 2,250 บาทต่อตัน ในขณะที่ประเทศไทย โรงไฟฟ้าจะเป็นผู้จัดหาและรับซื้อขยะเองประมาณ 800-1,200 บาทต่อตัน ทำให้ราคาไฟฟ้าในประเทศสูง และไม่สามารถแข่งขันกับราคาค่าไฟฟ้าที่มาจากการผลิตจากก๊าซธรรมชาติได้เช่นเดียวกับที่ประเทศสิงคโปร์ โดยประเทศไทยต้องมีนโยบายการอุดหนุนค่าไฟฟ้า เพื่อผลักดันให้เกิดโรงไฟฟ้าจากขยะ
ทั้งนี้ ปัญหาขยะที่เกิดขึ้นจำนวนมากในประเทศไทย จะต้องมีการปรับมุมมองและทัศนคติในเรื่องหน้าที่ความรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการกำจัดขยะอย่างถูกวิธีซึ่งเป็นการรณรงค์ให้คนไทยลดการผลิตขยะมากกว่าการส่งเสริมให้เกิดขยะ ซึ่งเรื่องนี้หน่วยงานต่างๆ จะต้องดำเนินการอย่างจริงจังและต้องทำอย่างต่อเนื่อง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี