นายสราวุธ ทรงศิวิไล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดงานประชุมสัมมนาครั้งที่ 2 เพื่อนำเสนอผลการศึกษาและรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องงานศึกษาจัดทำแผนพัฒนาท่าเรือบก (Dry Port)เพื่อนำไปสู่การเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาคว่าหลังการประชุมครั้งนี้จะนำข้อเสนอแนะมาปรับปรุงและสรุปเป็นรายงานฉบับสมบูรณ์ภายใน 2 สัปดาห์ก่อนเสนอผลการศึกษาให้กระทรวงคมนาคมภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ และจะเสนอคณะกรรมการพัฒนาระบบบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ (กบส.) ที่มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ในช่วงปลายปีนี้ให้พิจารณาเห็นชอบเพื่อมอบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการต่อ คาดว่าน่าจะเป็นการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เพื่อเปิดให้เอกชนร่วมลงทุนในรูปแบบรัฐร่วมลงทุนกับเอกชน (PPP)ต่อไป
จากผลการศึกษาพบว่าพื้นที่ที่มีความเหมาะสมจะพัฒนาเป็นท่าเรือบก ประกอบด้วย 1.อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา 2.อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา 3.อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น และ 4.อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ โดยเสนอให้มีการพัฒนา BoarderLogistics Park เพื่อรวบรวม กระจายสินค้าและเพิ่มมูลค่าที่ จังหวัดชายแดน เช่น จังหวัดหนองคาย มุกดาหาร เชียงราย ตาก สระแก้ว และสงขลา เป็นต้น ซึ่งพื้นที่จะใช้ต้องอยู่ในแนวริมทางรถไฟ ใช้พื้นที่ประมาณ 1,000-1,800 ไร่ คาดว่าใช้วงเงินลงทุนประมาณ 10,000 ล้านบาท ในการจัดหาที่ดินและก่อสร้าง ส่วนรูปแบบ PPP ที่ทางรัฐจะจัดหาที่ดินโดยต้องดูความเหมาะสมเพราะใช้พื้นที่จำนวนมากอาจเป็นพื้นที่ที่มีอยู่แล้วหรือมีการเวนคืนเพิ่มเติมส่วนเอกชนบริหารจัดการ
การจัดอันดับการสร้างท่าเรือบกนั้นจะเริ่มที่จังหวัดฉะเชิงเทราก่อน คาดว่าจะเปิดประมูลปลายปี 2562 และสร้างได้ปี 2563-2564 เพราะมีความพร้อมการทั้งมีรถไฟทางคู่ ช่วยแก้ปัญหาจราจรในไอซีดีลาดกระบังและอยู่ในพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) หลังจากนั้นจะก่อสร้างที่จังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดขอนแก่นต่อไป โดยคาดว่ารถไฟทางคู่จะสร้างแล้วเสร็จปี 2566-2567 เพื่อให้ทันกับการเปิดใช้รถไฟทางคู่และจังหวัดนครสวรรค์ที่คาดว่าเปิดให้บริการปี 2570
สำหรับปริมาณตู้คอนเทนเนอร์ผ่านเข้าออก ICD ลาดกระบัง ปัจจุบันมีประมาณ 1.3 ล้าน T.E.U ต่อปี ซึ่งถือว่าน้อยกว่าการขนส่งระบบรางที่ปัจจุบันมีการขนส่งสินค้าตู้คอนเทนเนอร์ทางรางที่ท่าเรือแหลมฉบังแค่ 6%เท่านั้น หากมีการก่อสร้างรถไฟทางคู่แล้วเสร็จและมีท่าเรือบกจะช่วยให้ขนส่งสินค้าทางรางไปยังต่างประเทศเพิ่มเป็น 30% หลังจากก่อสร้างท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 แล้วเสร็จในปี 2567-2568
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี