นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทยกล่าวในงานสัมมนา “ระบบการออมเพื่อการเกษียณรองรับสังคมผู้สูงอายุ” จัดโดยสภาธุรกิจตลาดทุนไทยว่าประเทศไทยไทยก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเเล้วโดยมีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปมากกว่า 10% คาดว่าปี 2564 จะเพิ่มเป็น 20% และ 28% ในปี 2574 เป็นการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มที่
สิ่งที่น่าห่วงคือ ผู้สูงอายุมีรายได้ไม่พอใช้จ่าย และแหล่งรายได้หลักมาจากบุตร 34.7% แต่ลดลงจากปี 2550 ที่สัดส่วนรายได้จากบุตรอยู่ที่ 52.3% สะท้อนว่ารายได้จากบุตรมีแนวโน้มลดลงไม่เพียงพอต่อการเลี้ยงดูพ่อแม่ ทำให้ผู้เกษียณอายุบางส่วนยังต้องทำงาน ขณะที่เงินที่มาจากบำเหน็จบำนาญอยู่ที่ 5.9% แต่ระบบบำเหน็จบำนาญของไทยยังไม่เอื้อต่อการเก็บเงิน การออมภาคบังคับจึงจำเป็น
ดังนั้นจึงต้องมีกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ(กบช.) เพื่อสร้างความมั่นคงทางรายได้หลังเกษียณ ซึ่งขณะนี้ร่างพ.ร.บ.กองทุนบำเหน็จนำนาญแห่งชาติ อยู่ในชั้นกฤษฎีกาและกำลังจะเข้าสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในรัฐบาลชุดนี้กบช.จะช่วยลดภาระทางการคลังของประเทศที่ต้องใช้เงินสูงถึง 700,000 ล้านบาทต่อปี มาอุดหนุนกลุ่มผู้สูงอายุ
ข้อมูลธนาคารโลกบ่งชี้ว่าคนไทยมีเงินออมเพียง 7% ของจีดีพีต่ำกว่าค่าเฉลี่ยทุกประเทศในกลุ่มกำลังพัฒนาหรือนอกโออีซีดี ที่ 19.7% ขณะที่ประเทศพัฒนาแล้วอยู่ที่ 50.7% ของจีดีพีโดยเดนมาร์กมีเงินออมมากที่สุดถึง 208.4%
นางพรอนงค์ บุษราตระกูล หัวหน้าภาควิชาการธนาคารและการเงิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกล่าวว่าคนไทยส่วนใหญ่ยังออมเงินเพื่อการเกษียณน้อย ระดับหนี้ต่อครัวเรือนยังสูงถึง 70-80% ของรายได้ มีเงินออมแค่ 8-10% ซึ่งไม่เพียงพอ โดยการออมที่เพียงพอควรออมอยู่ที่ 10-15% ของรายได้ หรือถ้ามีรายได้ 20,000 บาท ต้องมีเงินออมไม่ต่ำกว่า 2,000 บาทต่อเดือน จากการสำรวจพบว่าคนไทยขาดความรู้ความเข้าใจทางการเงิน ไม่รู้จักการวางแผนทางการเงิน ซึ่งเป็นจุดอ่อนที่ต้องแก้ไข
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี