นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า ตามที่ได้มีประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไขการเรียกคืนคลื่นความถี่ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ หรือใช้ประโยชน์ไม่คุ้มค่า หรือนำมาใช้ประโยชน์ให้คุ้มค่ายิ่งขึ้น ได้ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2561 ที่ผ่านมานั้น ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2561 สำนักงานกสทช. ได้แต่งตั้งคณะทำงานเรียกคืนคลื่นความถี่ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ หรือใช้ประโยชน์ไม่คุ้มค่า หรือนำมาใช้ประโยชน์ให้คุ้มค่ายิ่งขึ้นเรียบร้อยแล้ว
คณะทำงานชุดนี้ มีพลอากาศโทธนพันธุ์ หร่ายเจริญ เป็นหัวหน้าคณะทำงาน และมี นายพลเดชปิ่นประทีป กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (คณะกรรมการ ดีอี) เป็นรองหัวหน้าคณะทำงาน เพื่อจะทำหน้าที่จัดทำรายงานวิเคราะห์การเรียกคืนคลื่นความถี่ ว่าจะเรียกคืนคลื่นความถี่ย่านไหน เป็นจำนวนเท่าไหร่ จัดทำแผนเรียกคืนคลื่นความถี่เพื่อนำมาจัดสรรใหม่ สนับสนุนการศึกษาประเมินมูลค่าคลื่น ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีระยะเวลาในการดำเนินงาน 30 วัน ก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการเรียกคืนคลื่นความถี่ดังกล่าวต่อไป
“การดำเนินงานของสำนักงาน กสทช. ในครั้งนี้ เป็นการดำเนินการครั้งแรกตามประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการเรียกคืนคลื่นความถี่ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ หรือใช้ประโยชน์ไม่คุ้มค่า หรือนำมาใช้ประโยชน์ให้คุ้มค่ายิ่งขึ้น เพื่อนำเอาคลื่นความถี่อันเป็นสมบัติของชาติมาใช้ประโยชน์ให้คุ้มค่าที่สุด” นายฐากร กล่าว
มีรายงานแจ้งว่า ก่อนหน้านี้ กสทช.เตรียมเรียกคืนคลื่นความถี่700 MHz ด้วยเพื่อนำมาจัดสรรใหม่รองรับการเทคโนโลยี 5G คาดว่าจะเปิดประมูลในต้นปี 2562
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี