นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ขณะนี้การลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) มีความคืบหน้าได้ตามแผนที่วางไว้ โดยเฉพาะโครงการที่มีการออกเอกสารร่างขอบเขตการประมูล (ทีโออาร์) ครบถ้วนแล้ว ได้แก่ 1.โครงการเมืองการบินภาคตะวันออก ท่าอากาศยานอู่ตะเภา 2.โครงการศูนย์ซ่อมอากาศยานสนามบินอู่ตะเภา 3.โครงการท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 และ 4.โครงการท่าเรือมาบตาพุดเฟส 3 โดยทั้งหมดจะมีการคัดเลือกผู้ชนะการประมูลต้นปี 2562 และลงนามการก่อสร้างแบบร่วมทุนระหว่างรัฐ และเอกชนทันที ซึ่งเชื่อว่าทั้งหมดจะดำเนินการในช่วงต้นปีหน้า และจะส่งผลดีต่อการลงทุนของภาคเอกชนตามมาอย่างแน่นอน
“โครงการของรัฐบาลที่ผ่านมา โดยเฉพาะอีอีซีมีความคืบหน้าอย่างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของเอกชน ดังนั้นจึงเชื่อว่าจะขับเคลื่อนให้ปี 2562 เป็นปีทองของการลงทุนได้ ยอมรับว่าก่อนหน้านี้เอกชนหลายรายอาจจะรอดูท่าทีของรัฐบาลและการวางโครงสร้างพื้นฐาน แต่ขณะนี้มีความชัดเจนแล้วทุกด้าน” นายอุตตม กล่าว
มีรายงานแจ้งว่า ในส่วนโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง - สุวรรณภูมิ - อู่ตะเภา) วงเงินลงทุน 224,544 ล้านบาทนั้น การรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.)จะเจรจากับ กลุ่มบริษัท เจริญโภคภัณฑ์ โฮลดิ้ง จำกัด (ซีพี) และพันธมิตร ในเดือนมกราคม 2562 ในเบื้องต้นหากเจรจาลงตัวจะลงนามในสัญญาได้ภายในวันที่ 31 มกราคม 2562
แหล่งข่าวจากกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ในปี 2562 อุตสาหกรรมที่จะมีความสำคัญอันดับแรกๆ ได้แก่ อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐาน เพราะจะเชื่อมโยงกับอีอีซี ซึ่งเป็นโครงการสำคัญของรัฐบาล ขณะเดียวกันยังมีอุตสาหกรรมเป้าหมายที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนการลงทุนในปีหน้าด้วย โดยกลุ่มที่มีความสำคัญคือ กลุ่มยานยนต์ ที่เปิดให้เอกชนขอส่งเสริมการลงทุนในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าประเภทไฮบริด และปลั๊กอินไฮบริดแล้ว หลังจากนี้คาดว่าจะทยอยลงทุนอย่างต่อเนื่อง อุตสาหกรรมปิโตรเคมีที่มีเอกชนหลายรายสนใจจะเข้าไปลงทุนเพิ่มเติมในอีอีซี อุตสาหกรรมการเกษตร เครื่องจักรกลการเกษตรที่จะเข้ามายกระดับการผลิต เป็นต้น
รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ระบุว่า ตั้งแต่รัฐบาลมีการขับเคลื่อน10 อุตสาหกรรมเป้าหมายในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2558-2560) มีคำขอรับการส่งเสริมแล้ว 3,891 โครงการ คิดเป็นมูลค่าการลงทุน 1.36 ล้านล้านบาท คิดเป็น 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย มูลค่า 7.07 แสนล้านบาท แบ่งเป็น อุตสาหกรรมปิโตรเคมี 1.54 แสนล้านบาท ยานยนต์และชิ้นส่วน 1.64 แสนล้านบาท เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 1.29 แสนล้านบาท เกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ 9.93 หมื่นล้านบาท การท่องเที่ยว 7.12 หมื่นล้านบาทแปรรูปอาหาร 4.25 หมื่นล้านบาท การแพทย์ 2.35 หมื่นล้านบาท ดิจิทัล 1.33 หมื่นล้านบาทอากาศยาน 5,937 ล้านบาท และหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ 3,316 ล้านบาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี