3 ม.ค.62 กระทรวงพลังงานได้จัดตั้งประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยจัดตั้งวอร์รูมหรือ ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ฉุกเฉินด้านพลังงาน เพื่อติดตามความคืบหน้าสถานการณ์พายุโซนร้อนปาบึก โดยในด้านน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซหุงต้ม กระทรวงพลังงานได้สั่งการให้ผู้ค้าน้ำมัน สำรองน้ำมันและจัดส่งให้เพียงพอ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์พายุ
ในขณะที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) มีมาตรการเฝ้าระวังสถานการณ์ทั้งในส่วนของสถานีผลิตไฟฟ้าและระบบส่ง และสำรองน้ำมัน เพื่อทดแทนก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย คือ แหล่งบงกชที่หยุดผลิต รวมถึงการนำเข้าไฟฟ้าพลังน้ำจาก สปป.ลาว ในปริมาณสูงสุด และได้ประสานกับประเทศมาเลเซีย เพื่อขอซื้อไฟฟ้าในกรณีฉุกเฉิน และจัดเตรียมอุปกรณ์หนักสำหรับแก้ไขปัญหาหากระบบผลิตและระบบส่งไฟฟ้าได้รับความเสียหายจากพายุ
ส่วนการการผลิตปิโตรเลียมในทะเลอ่าวไทย ณ ปัจจุบันมีการอพยพเจ้าหน้าที่แล้ว 2,635 คน และเหลือปฏิบัติหน้าที่อยู่ 246 คน การอพยพของเจ้าหน้าที่แต่ละบริษัทเป็นไปโดยสวัสดิภาพ โดยพายุอยู่ห่างจากแท่นบงกชประมาณ 500 km คาดว่าจะผ่านแท่นในเวลา 04:00 น. ของวันที่ 4 ม.ค.62
ด้านการผลิตก๊าซธรรมชาติและน้ำมันดิบ ขณะนี้ยังไม่มีการหยุดผลิตเพิ่มเติม ข้อมูลล่าสุด ก๊าซธรรมชาติลดลงในปริมาณเท่าเดิมที่ 600 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน จากการหยุดผลิตของแหล่งบงกชเหนือ (แหล่งบงกชใต้ หยุดซ่อมบำรุงตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคม) และน้ำมันดิบลดลงอยู่ที่ 27,000 บาร์เรล/วัน อย่างไรก็ตาม ในส่วนของแหล่งก๊าซธรรมชาติไพลินเหนือสามารถกลับมาผลิตได้อีกครั้งเร็วกว่าแผนหลังจากหยุดซ่อมบำรุง ทำให้มีก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยเข้าระบบมากขึ้น
ในส่วนของก๊าซธรรมชาติเหลว( LNG )มีความพร้อมจ่ายได้สูงสุด 1,400 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และในวันนี้เรือขนส่ง LNG ได้เข้าเทียบท่าที่ จ.ระยองแล้ว ซึ่งจะสามารถส่งก๊าซ LNG เข้าระบบได้ เมื่อรวมกับ Inventory มีปริมาณ 10,800 ล้านลูกบาศก์ฟุต (ทั้งนี้เรือลำถัดไปจะเทียบท่าในวันที่ 7 ม.ค. 62) ทำให้ปริมาณสำรอง LNG มีมากเพียงพอในการรองรับสถานการณ์การหยุดผลิตจากพายุ รวมถึงสามารถจัดสรรก๊าซธรรมชาติให้กับภาคไฟฟ้า ภาคอุตสาหกรรม และ NGV ได้ตามแผน
นายกฤษณ์ อิ่มแสง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริหารองค์กรและความยั่งยืน บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า นอกจากปตท.จะร่วมวางแผนในเรื่องการดูแลพลังงานให้มีอย่างเพียงพอแล้ว ชมรมพลังไทย ใจอาสา ได้นัดหมายพนักงาน กลุ่ม ปตท.และผู้บริหารร่วมกันแพ็คถุงยังชีพ อย่างน้อย 1,500 ถุง เพื่อส่งลงไปเตรียมพร้อม ช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยจะกระจายไปยังคลังปิโตรเลียมสงขลา คลังปิโตรเลียมสุราษฎร์ธานีในวันพรุ่งนี้
ขณะที่นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (PTTOR) กล่าวว่า PTTOR ได้เตรียมความพร้อมในการจัดเก็บสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงทุกประเภท ได้แก่ น้ำมันกลุ่มเบนซิน น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว น้ำมันอากาศยาน น้ำมันเตา และก๊าซแอลพีจี สำหรับคลังทุกคลังในภาคใต้อย่างเต็มที่ ทั้งที่คลังปิโตรเลียมสงขลา คลังปิโตรเลียมสุราษฎร์ธานี คลังน้ำมันภูเก็ต สถานีเติมน้ำมันอากาศยานกระบี่ สถานีเติมน้ำมันอากาศยานภูเก็ต รวมถึงสถานีบริการน้ำมันพีทีที สเตชั่น ทุกแห่ง
โดยปริมาณสำรอง ณ คลังทั้งหมดในปัจจุบันนั้น สามารถรองรับปริมาณการใช้งานได้ไม่ต่ำกว่า 3 วัน และยังได้มีการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซแอลพีจีไปยังคลังปิโตรเลียม คลังน้ำมัน สถานีเติมน้ำมันอากาศยาน สถานีบริการน้ำมัน ทุกวันอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังได้มีการเตรียมการขนส่งสำรองทางรถยนต์จากคลังน้ำมันภาคกลางไปยังคลังน้ำมันภาคใต้ในกรณีฉุกเฉินหากไม่สามารถดำเนินการขนส่งทางเรือได้ตามปกติอีกด้วย ดังนั้นขอให้ประชาชนในภาคใต้มั่นใจว่าจะไม่เกิดการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิงแต่อย่างใด
ขอบคุณภาพข่าวสำนักข่าวไทย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี