การบินไทยฯเตรียมเสนอแผนจัดซื้อเครื่องบินให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาปลายสัปดาห์นี้ ส่วนคืบหน้าการขายเครื่องบินเก่าได้กว่า 4,000 ล้านบาท มั่นใจปีนี้กำไรไม่ต่ำกว่าปีก่อน
นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการ บริษัท การบินไทยฯ เมื่อวันที่ 16 ม.ค.62 ที่ผ่านมา ว่า ความคืบหน้าการจัดทำรายละเอียดแผนจัดซื้อฝูงบินจำนวน 38 ลำ วงเงินประมาณ 200,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถนำเสนอแผนดังกล่าวให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาได้ในช่วงปลายสัปดาห์นี้หรืออย่างช้าภายในสัปดาห์หน้า ต่อจากนั้นจะมีการเสนอไปยังสำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) และคณะรัฐมนตรี(ครม.)เพื่ออนุมัติต่อไป โดยตามกระบวนการตั้งแต่เริ่มจัดหาเครื่องบินจนถึงการส่งมอบอย่างเร็วที่สุดจะใช้เวลาประมาณ 2 ปี เนื่องจากบริษัทฯที่ผลิตเครื่องบินขนาดใหญ่ทั้ง 2 ราย มีรายการสั่งผลิตเครื่องบินจำนวนมากจากสายการบินทั่วโลกจึงอาจทำให้การส่งมอบล่าช้าไม่เป็นไปตามกรอบเวลาที่กำหนด
ทั้งนี้ แผนการจัดซื้อเครื่องบินดังกล่าวเพื่อทดแทนเครื่องบินที่กำลังจะปลดระวางจำนวน 31 ลำ โดยแบ่งการจัดซื้อออกเป็น 2 ระยะคือระยะแรกจะมีการจัดหาเครื่องบินใหม่จำนวน 25 ลำมาทดแทนเครื่องบินเก่าปลดระวางจำนวน 19 ลำ และระยะที่ 2 ที่จะมีการจัดหาเครื่องบินใหม่จำนวน 13 ลำ มาทดแทนเครื่องบินเก่าปลดระวางจำนวน 12 ลำ คาดว่าจะสามารถเริ่มรับมอบได้ในช่วงปี 2564 ส่งให้จากปัจจุบันที่มีฝูงบินจำนวน 101 ลำเพิ่มเป็น 110 ลำ รวมถึงจะส่งผลทำให้มีจำนวนที่นั่งผู้โดยสารต่อกิโลเมตร(ASK) เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 3% ในช่วง 7-8 ปีนี้ ทำให้สามารถเพิ่มความถี่เที่ยวบินและเส้นทางการบินได้มากขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีแผนเช่าเครื่องบินระหว่างรอการส่งมอบเครื่องบินใหม่อย่างน้อย 2 ลำ ในส่วนของความคืบหน้าการขายเครื่องบินเก่าจำนวน 20 ลำ ปัจจุบันอนุมัติขายแล้วจำนวน 16 ลำ มูลค่าประมาณกว่า 4,000 ล้านบาท โดยจะสามารถทยอยบันทึกรายได้ตั้งแต่ไตรมาสแรกปีนี้เป็นต้นไป ขณะที่อีก 4 ลำที่เหลืออยู่ระหว่างขั้นตอนการเตรียมประกาศขาย
อย่างไรก็ตามในปีนี้การบินไทยฯคาดว่าจะเน้นธุรกิจสนับสนุนที่ไม่ใช่การบินมากขึ้นเช่น ครัวการบินไทย ,ศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน(MRO) อู่ตะเภา และดอนเมือง เป็นต้น ด้านความร่วมมือไทยกรุ๊ปนั้นกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ของการบินไทยจะเข้าไปนั่งตำแหน่งประธานคณะกรรมการของไทยสมายล์และจะมีการปรับนโยบายให้การดำเนินการเพื่อให้มีความเชื่อมต่อกันมากยิ่งขึ้นและจะเข้าไปช่วยบริหารต้นทุน ขณะที่นกแอร์มีแผนที่จะเพิ่มทุนอยู่แล้ว ซึ่งต้องรอดูผลการประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 22 ม.ค.นี้
สำหรับภาพรวมในปีนี้ก็มองว่าการแข่งขันของสายการบินยังมีความรุนแรงจากปัจจัยน้ำมันและอัตราแลกเปลี่ยนยังเป็นความเสี่ยง ซึ่งการบินไทยก็มีเส้นทางจุดหมายปลายทางที่ดีและมีอัตราการบรรทุกผู้โดยสารที่ดีจึงเชื่อว่าสามารถแข่งขันได้ รวมถึงคาดการณ์ว่าปีนี้จะสามารถรักษากำไรจากการดำเนินการได้ไม่ต่ำกว่าปีที่ผ่านมาและคาดว่าจะมีรายได้ใกล้เคียงปี 2561
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี