พันเอก ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีดิจิทัล และอดีตรองประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า การที่ไม่มีถนนจึงทำให้ไม่สามารถขนส่งผลิตผลด้านการเกษตรที่จะทำให้ประชาชนมีการกินดีอยู่ดีได้ ซึ่งเปรียบได้กับการที่ไม่มีเทคโนโลยี 5G จึงไม่มีถนนข้อมูลขนาดใหญ่ที่จะสามารถสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกในระบบเศรษฐกิจใหม่ได้
ในขณะที่เรายอมรับว่าความท้าทายที่สำคัญกำลังรอเราอยู่ข้างหน้าที่เกี่ยวข้องกับการใช้ศักยภาพของเทคโนโลยีใหม่ในการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศ โดยรัฐบาลของทุกประเทศทั่วโลกก็ได้เร่งการกำหนดยุทธศาสตร์ด้านเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เพิ่มการจ้างงาน และสร้างให้เกิดประโยชน์อย่างกว้างขวางทั่วทั้งระบบเศรษฐกิจของประเทศ ในขณะที่การจัดการกับความท้าทายและความเสี่ยงในการกำหนดยุทธศาสตร์ที่ถูกต้องและทันเวลาต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกนั้น จะต้องอาศัยความเป็นผู้นำและความรู้ของภาครัฐและภาคเอกชนของประเทศ ดังนั้นผู้นำภาครัฐ ภาคธุรกิจ และผู้กำหนดนโยบาย ต้องมองไปข้างหน้าและมีการวางแผนอย่างรอบคอบในเวลาที่เหมาะสม
เมื่อเครือข่ายไร้สาย 3G เปิดตัวในปี 2000 ก็ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าโลกของโทรศัพท์เคลื่อนที่จะเป็นอย่างไรและจะมีผลกระทบอย่างไร ซึ่ง 3G ได้กลายเป็นตัวกระตุ้นให้ Google, Facebook และ YouTube เติบโตอย่างก้าวกระโดด จนในปี 2010 มีการใช้ 4G เป็นปีแรกๆ ทำให้เกิดอุตสาหกรรมใหม่และบริษัทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Grab, Airbnb, Uber, Netflix, Spotify และ LINE เกิดขึ้นและเติบโตอย่างรวดเร็ว และคำถามต่อไปคือ จะเกิดอะไรขึ้นและมีผลกระทบอย่างไรในยุค 5G?
เป็นที่ยอมรับและเป็นความจริงที่เกิดขึ้นแล้วว่า 5G กำลังเป็นเทคโนโลยีรากฐานที่สำคัญของการพัฒนาประเทศไปสู่ระบบเศรษฐกิจใหม่ในยุคดิจิทัล และหากการดำเนินการภาครัฐไม่สามารถนำไปสู่ระบบ 5G ได้ก็จะทำให้นโยบายด้านดิจิทัลที่กำหนดไว้นั้นไม่ประสบความสำเร็จได้เลย ซึ่งอาจเปรียบได้กับการที่ไม่มีถนนจึงทำให้ไม่สามารถขนส่งผลิตผลด้านการเกษตรที่จะทำให้ประชาชนมีการกินดีอยู่ดีได้ นั่นเอง โดยในเศรษฐกิจยุคดิจิทัลนั้น ไม่ว่าจะเป็นระบบเศรษฐกิจแบ่งปัน (Sharing economy) การเรียนผ่านระบบออนไลน์ การแพทย์ทางไกล รวมไปถึงการพัฒนาธุรกิจสตาร์ทอัพนั้น ต่างก็ต้องการเทคโนโลยีที่มีความเร็วสูงในระดับ 5G เป็นพื้นฐานทั้งสิ้น
ดังนั้นรัฐบาลในหลายๆ ประเทศทั่วโลก ต่างมีความต้องการที่จะผลักดันประเทศของตนให้เป็นผู้นำในเทคโนโลยีโทรศัพท์เคลื่อนที่ในยุค 5G ซึ่งหากประเทศมีโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ดีก็จะทำให้ประเทศสามารถขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ด้านดิจิทัลที่ทันสมัยของประเทศได้ และจะสามารถสร้างโอกาสใหม่ๆ สำหรับการเติบโตได้ โดยการขับเคลื่อนธุรกิจให้มีรูปแบบบริการเรียลไทม์ ดังนั้น 5G จึงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปอีกขั้นหนึ่ง สำหรับการเชื่อมต่อแบบไร้สายที่มีศักยภาพอย่างมาก สามารถเพิ่มผลผลิตและสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจอีกด้วย
GSMA คาดการณ์ว่าภายในปี 2025 ทั่วโลกจะมีเครือข่าย 5G ครอบคลุม 1 ใน 3 ของประชากรโลก โดยจะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้มากถึง 1.8 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2025 และสามารถสร้างตำแหน่งงานได้มากกว่า 17.3 ล้านตำแหน่งงาน
จากรายงานของ Statista คาดการณ์ว่าในยุค 5G จะมีอุปกรณ์ Internet of Things (IoT) จำนวนมากถึง 31 พันล้านชิ้นเชื่อมต่อกันบนอินเทอร์เน็ตทั่วโลก และจะทำให้ธุรกิจต่างๆ มีโอกาสใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมดิจิทัลในทศวรรษต่อจากนี้ และตลาดของ IoT จะมีมูลค่ากว่า 1.7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2020 และผลการวิเคราะห์ของ Business Insider Intelligence ในรายงาน Internet of Things จะมีค่าตลาดสูงถึง 15 ล้านล้านเหรียญสหรัฐระหว่างปี 2017 ถึง 2025
เป็นที่แน่ชัดว่าในช่วงปี 2020 - 2025 รูปแบบของการดำเนินธุรกิจจะเปลี่ยนไปอย่างมาก จนอาจจะมีอาชีพบางสาขาหายไป เกิดรูปแบบอาชีพใหม่ๆ ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนมากมาย เพราะในช่วงเวลานั้น เทคโนโลยีจะเชื่อมโยงกันอย่างมีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง จนทำให้ขีดความสามารถในธุรกิจแบบดั้งเดิมไม่สามารถแข่งขันในตลาดได้อีกต่อไป ซึ่งต้องใช้เทคโนโลยี 5G สร้างมูลค่าธุรกิจใหม่ๆ เพื่อเอาชนะความถดถอยของอุตสาหกรรมดั้งเดิมที่กำลังเสื่อมถอยอย่างรวดเร็วได้
สำหรับประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจหลายประเทศ ก็ได้มีการดำเนินการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ 5G อย่างมุ่งมั่น ยกตัวอย่างเช่น เยอรมนี ในปี 2016 ได้ประกาศ 5G Initiative for Germany เพื่อเป็นกรอบในการดำเนินการสนับสนุนการใช้เครือข่าย 5G และการพัฒนาแอปพลิเคชั่น 5G ซึ่งยุทธศาสตร์ 5G ของรัฐบาลเยอรมนีได้อธิบายบริบทและขอบเขตการดำเนินงานเกี่ยวกับการเปิดให้บริการเครือข่าย 5G ในเยอรมนี ในช่วงปี 2025 ซึ่งถือเป็นความมุ่งมั่นของรัฐบาลที่จะทำให้เยอรมนีเป็นผู้นำตลาดสำหรับแอปพลิเคชั่น 5G
จีน ได้จัดทำแผน the 13th Five Year Plan ที่มีจุดมุ่งหมายที่จะเปิดให้บริการ 5G ในเชิงพาณิชย์ภายในปี 2020 รวมถึงต้องการขยายการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต โดยการวิจัยและพัฒนา 5G และเป้าหมายระยะยาวในปี 2025 คือการสร้างเครือข่ายการสื่อสารเคลื่อนที่ชั้นนำ และรัฐบาลจีนได้จัดตั้งกลุ่ม IMT-2020 (5G) Promotion Group ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกเกือบ 60 ราย ที่มาจากบริษัทต่างๆ ผู้ประกอบการเครือข่าย มหาวิทยาลัย และสถาบันการวิจัย โดยวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการวิจัย 5G เพื่อร่วมมือกับรัฐบาลและสมาคมอุตสาหกรรมในหลายประเทศและในภูมิภาคต่างๆ
เกาหลีใต้ โดยกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ (MSIT) มีหน้าที่ดูแลและควบคุมการพัฒนานโยบายและการปรับใช้งาน 5G โดย MSIT จัดประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ 5G ที่เป็นการประชุมร่วมกันระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และตัวแทนจากสถาบันการวิจัย เพื่อเป็นไปตามนโยบาย 5G แห่งชาติ (National 5G policy) ที่เกาหลีใต้ต้องการที่จะเป็นผู้นำในระดับโลกภายในปี 2020 ในการให้บริการ 5G และการพัฒนามาตรฐาน 5G ซึ่งรัฐบาลเกาหลีใต้ได้จัดสรรงบประมาณมูลค่ามากถึง 2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อลงทุนในโครงการ i-Korea 4.0 (ที่เปิดตัวเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2017) เพื่อส่งเสริมเทคโนโลยี AI, AR/VR, ยานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ, หุ่นยนต์, เมืองอัจฉริยะ และการติดตามภัยพิบัติ
สหรัฐอเมริกา โดย Federal Communications Commission (FCC), องค์กรการสื่อสารโทรคมนาคมและสารสนเทศแห่งชาติ (NTIA), สภาคองเกรส และรัฐบาลท้องถิ่น ต่างให้การสนับสนุนความก้าวหน้าของ 5G ด้วยการให้คำปรึกษา และดำเนินการจัดสรรคลื่นความถี่ รวมไปถึงมูลนิธิวิทยาศาสตร์แห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NSF) ได้ดำเนินงานในโครงการที่มุ่งเน้นการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี 5G จำนวนมาก ได้แก่ การริเริ่มการวิจัยไร้สายขั้นสูง ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อรักษาความเป็นผู้นำของสหรัฐอเมริกาในการสื่อสารเคลื่อนที่และเทคโนโลยีต่างๆ
โดยสรุป เทคโนโลยี 5G จะส่งผลกระทบเกินออกไปจากอุตสาหกรรมสื่อและบันเทิงที่ถูกกระทบอย่างหนักมาตั้งแต่ยุค 4G แล้ว โดย 5G จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกผันในภาคธุรกิจต่างๆ โดยพฤติกรรมของผู้บริโภคจะเปลี่ยนไปอย่างมากอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ซึ่งจะทำให้ภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจมากมายจะต้องวางยุทธศาสตร์ที่จะนำเอาเทคโนโลยี 5G มาประยุกต์ใช้ในทุกธุรกิจและจะเกิดมูลค่าสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่อย่างไรก็ตาม หากธุรกิจและอุตสาหกรรมใดไม่สามารถปรับตัวได้ ก็จะเสื่อมสภาพลงและถูกทิ้งไว้ข้างหลังในที่สุด และที่สำคัญหากประเทศไทยและคนไทย ไม่สามารถเข้าสู่ 5G ได้ทันเวลาและไม่สามารถพัฒนาทักษะใหม่ให้ทันโลกได้ เศรษฐกิจของไทยก็อาจถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ภายในหนึ่งทศวรรษจากนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี