นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผยถึงการเปิดสำนักงานผู้แทนธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) ในกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ว่า จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะเอสเอ็มอี ที่จะมีโอกาสทางธุรกิจมากขึ้นในกัมพูชา โดยมีเอ็กซิมแบงก์ให้ข้อมูลและคำปรึกษาด้านการค้า การลงทุน และการเงิน แก่ผู้ประกอบการไทย ถือเป็นกลไกสำคัญของภาคการเงินการธนาคาร
นอกจากนี้ ยังสร้างโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการไทย ควบคู่กับการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมใน CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม) ซึ่งเอ็กซิมแบงก์มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศของไทยใน CLMV โดยมีมูลค่ากว่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 64,000 ล้านบาท ตั้งแต่เปิดดำเนินการและกำลังก้าวสู่ปีที่ 26
“ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่แน่นแฟ้นระหว่างกัน ทำให้การค้าไทย-กัมพูชาเติบโตอย่างต่อเนื่องเฉลี่ย 15% ต่อปี ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยในปี 2561 มีมูลค่าสูงถึง 8,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เติบโต 36.6% จากปี 2560 และคาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวเป็น 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2563 ขณะที่การลงทุนในกัมพูชาช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีมูลค่าสูงถึง 7,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยไทยเป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่อันดับ 4 ในกัมพูชา” นายอภิศักดิ์ กล่าว
สำหรับการเปิดสำนักงานผู้แทนเอ็กซิมแบงก์ในกรุงพนมเปญ รัฐบาลกัมพูชาสนับสนุนผ่านธนาคารแห่งชาติกัมพูชา และกระทรวงการคลังของกัมพูชา เพื่อให้เอ็กซิมแบงก์มีบทบาทเพิ่มขึ้นในระดับภูมิภาค ในฐานะหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจและการเงินของไทย ที่จะทำงานร่วมกับภาครัฐและเอกชน
นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ เอ็กซิมแบงก์ กล่าวว่า การเปิดสำนักงานผู้แทนเอ็กซิมแบงก์ในกรุงพนมเปญอย่างเป็นทางการ นับเป็นแห่งที่ 3 ต่อจากการเปิดในเมืองย่างกุ้ง เมียนมา และกรุงเวียงจันทน์ สปป.ลาว เมื่อปี 2560 และ 2561 ตามลำดับ ซึ่งที่ผ่านมาสนับสนุนการลงทุนไทยในกัมพูชามากกว่า 4,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่อยู่ในธุรกิจการท่องเที่ยว โรงแรม การก่อสร้างสาธารณูปโภคต่างๆ ทั้งนี้ธุรกิจแฟรนไชส์ของไทยมีโอกาสขยายตัวในกัมพูชา อาทิ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ เบเกอรี่ และสปา เพื่อรองรับความต้องการของคนรุ่นใหม่ในกัมพูชา รวมถึงชาวต่างชาติที่ทำงานในกัมพูชา และนักท่องเที่ยวต่างชาติ
“การเปิดสำนักงานผู้แทน เป็นไปตามยุทธศาสตร์เชื่อมไทย เชื่อมโลก ด้วยการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ โดยเอ็กซิมแบงก์จะทำงานร่วมกับภาครัฐและเอกชนภายใต้ทีมประเทศไทย สร้างโอกาสเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่จำเป็นต่อการวางแผนและดำเนินธุรกิจในประเทศเป้าหมายที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะในตลาดใหม่ รวมถึง CLMV ตลอดจนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการแต่ละกลุ่มอย่างมีประสิทธิภาพ เชื่อมโยงเอสเอ็มอีลักษณะห่วงโซ่มูลค่ากับธุรกิจขนาดใหญ่” นายพิศิษฐ์ กล่าว
ทั้งนี้เอ็กซิมแบงก์ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “บริการสนับสนุนสินเชื่อแก่ผู้ซื้อในประเทศ CLMV” วงเงินสินเชื่อให้ผู้ประกอบการใน CLMV ซื้อสินค้าและบริการจากไทย วงเงินกู้ไม่เกิน 5 ปี สูงสุด 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อราย และไม่เกิน 85% ของมูลค่าซื้อขายสินค้าหรือบริการจากไทย อัตราดอกเบี้ยขั้นต่ำ LIBOR บวก 4% ต่อปี ซึ่งมีเป้าหมายผลักดันการส่งออกของไทยไป CLMV ในปี 2562 ต่อเนื่องจากปี 2561 ที่การส่งออกไป CLMV ขยายตัวสูงถึง 17% ส่งผลให้สัดส่วนการส่งออกของไทยไป CLMV แซงหน้าตลาดส่งออกสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐ สหภาพยุโรป (อียู) และญี่ปุ่น โดยเอ็กซิมแบงก์จะชำระค่าสินค้าโดยตรงให้แก่ผู้ส่งออกไทย ช่วยให้ผู้ส่งออกมีความมั่นใจที่ขยายการค้ากับคู่ค้าใน CLMV
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี