กสทช.พร้อมเปิดประมูลคลื่น 700 MHz ล่วงหน้ามิ.ย.62 นี้ ก่อนให้เริ่มใช้คลื่นจริง–จ่ายเงิน 1 ต.ค.ปีหน้า พร้อมเร่งออกหลักเกณฑ์การประมูล พ.ค.นี้ ส่วนทีวีดิจิทัล คลอดหลักเกณฑ์คืนคลื่นภายใน 2 เดือน
วันนี้ (17 เม.ย. 62) ที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้เรียกผู้ประกอบการโทรทัศน์ภาคพื้นดินระบบดิจิทัล(ทีวีดิจิทัล) และผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (โอเปอเรเตอร์) ประชุมหารือการออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม โดยมีผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล และโอเปอร์เรเตอร์เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือว่า จากคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ( คสช.) เรื่องมาตรการแก้ไขปัญหาการประกอบกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม ซึ่งตามคำสั่งในกิจการโทรคมนาคม โดยให้ผู้รับใบอนุญาตโทรคมนาคม (ไลเซ่นส์) คลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์ ( MHz) ให้ใช้สิทธิ์ในการแบ่งชำระค่างวด โดยขยายเวลาการชำระค่างวดออกไปจากปี 2563 ที่ต้องจ่ายงวดสุดท้าย ออกไป10 งวด นับตั้งแต่วันที่เริ่มชำระไลเซ่นส์ นับการชำระค่างวดตั้งแต่ปี 2559 ไปจนถึงการขยายระยะเวลาเป็นปี 2569
อย่างไรก็ตามประกาศฯ ดังกล่าวมีเงื่อนไขโอเปอร์เรเตอร์ที่จะใช้สิทธิ์ดังกล่าวจะต้องเข้าร่วมประมูลคลื่น 700 MHz และให้โอเปอร์เรเตอร์แจ้งขอใช้สิทธิ์ดังกล่าวภายในวันที่ 10 พ.ค.2562 ขณะเดียวกันหากยื่นใช้สิทธิ์ดังกล่าวแล้ว แต่ไม่เข้าร่วมประมูลคลี่น 700 MHzซึ่งเป็นการผิดเงื่อนไขและโอเปอร์เรเตอร์รายนั้นจะต้องกลับไปชำระเงินตามเงื่อนไขเดิม
ทั้งนี้ กสทช.จะเปิดประมูลคลื่น 700MHz จำนวน 15 MHz 3 ใบอนุญาต ๆ ละ 15 MHz ในเดือนมิ.ย.นี้ เป็นการประมูลล่วงหน้าก่อน และให้ชำระและใช้คลื่นความถี่ได้จริงในวันที่ 1ต.ค.63 โดยให้ผู้ประกอบโทรคมนาคมยื่นประมูลก่อน โดยหลักเกณฑ์การประมูลจะเร่งทำให้แล้วเสร็จปลายเดือน พ.ค.นี้ ซึ่งจะมีการจัดตั้งคณะทำงานเตรียมความพร้อมด้านโทรคมนาคม และโทรทัศน์ รวมทั้งการประเมินค่าคลื่น 700MHz ด้วย
“สำนักงาน กสทช.เป็นผู้ดำเนินการการประเมินค่าคลื่นเอง โดยมีนายภักดี มะนะเวศ รองเลขาธิการ กสทช.เป็นผู้ดูแล ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถบอกตัวเลขมูลค่าคลื่นได้ เราอิงข้อมูลจากสหภาพโทรคมนาคม หรือ ไอทียู และต้องดูความเหมาะสมของประเทศเราเป็นหลักโดยขณะนี้ดูกรณีศึกษาจากสวีเดน ถ้าครั้งนี้ไม่มีใครเข้าประมูล 700 MHz เลย กสทช.ก็จะต้องเปิดประมูลแบบทั่วไป”
ขณะเดียวกันแผนการจัดสรรคลื่นความถี่ (โรดแมป) กสทช.เตรียมที่จะจัดประมูลคลื่น 2600MHz,2800MHz ภายในปีนี้โดยจะประมูลแบบมัลติแบนด์ ขณะที่คลื่น 1800 MHz ,3500 MHz กระบวนการอาจจะล่าช้าออกไป เนื่องจากคลื่น 3500 MHz กระทรวงดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอี ยังยืนยันว่าคลื่นดังกล่าวมีการใช้งานอยู่
ส่วนธุรกิจทีวีดิจิทัล จะมีคณะทำงานต่าง ๆ ได้แก่ อนุกรรมการวิธีการชดเชยการคืนใบอนุญาต หลักเกณฑ์การรับหลักประกันคืน ทั้งหมดจะใช้เวลา 2 เดือน หรือ มิ.ย.
นายวีรวัฒน์ เกียรติพงษ์ถาวร หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านธุรกิจสัมพันธ์และองค์กร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า บริษัทมีความประสงค์ที่จะยื่นขอใช้สิทธิ์ดังกล่าว แต่ส่วนเงื่อนไขการเข้าร่วมประมูลนั้นมองว่า การประมูลคลื่น 700MHz ในขณะนี้ไม่ส่งผลดีต่อบริษัท เนื่องจากมีผลต่อการลงทุนการขยายโครงข่าย
“อยากให้มองว่า ตามกำหนดเดิมเรามีหน้าที่จ่ายเราก็ต้องจ่ายแต่ถ้าจ่ายแล้วมีผลต่อการลงทุนโครงข่าย แต่ถ้าขยายระยะเวลาออกไปก็จะทำให้การลงทุนโครงข่ายครอบคลุมมีคุณภาพมากขึ้ตน ส่วนการประมูล 700 MHz ที่จะต้องตอบภายใน 10 พ.ค.นี้ ถ้าจะต้องตอบ เยส หรือโน เราก็ต้องมาดูกันที่เงื่อนไข ต้องนำเรื่องนี้เข้าบอร์ดเพื่อพิจารณาอีกครั้ง การประมูล 700 MHz ไม่เหมือนประมูล 900 MHz จะเอา 900 MHz มาเป็นพื้นฐานไม่ได้ 5G จะให้บริการมันต้องเป็นบริการด้านอุตสาหกรรม ซึ่งกว่าจะให้บริการระบบ 5G ได้อีก 2 ปี เงื่อนไขถ้าราคาเริ่มต้นประมูล สูงไป เราไม่ประมูลก็เท่ากับผิดเงื่อนไข”
นายราจีฟ บาวา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มกิจการองค์กรและพัฒนาธุรกิจบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค เดีแทครับทราบการขยายระยะเวลาการชำระเงินค่าใบอนุญาตคลื่นความถี่ ซึ่งเป็นการยืนยันว่าราคาคลื่นความถี่ของประเทศไทยสูงเกินไป ดีแทคจะหารือกับทาง กสทช. เพื่อความชัดเจนเพิ่มขึ้นจากคำสั่งฯ ในเรื่องมาตรการดังกล่าว ก่อนที่จะพิจารณาตัดสินใจดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้ ดีแทคยังยืนยันตามได้เคยแจ้งไว้ กล่าวคือ ดีแทคสนับสนุน กสทช. ในการจัดทำแผนจัดสรรคลื่นความถี่ที่ชัดเจนรวมถึงการกำหนดช่วงเวลาที่จะนำคลื่นมาจัดสรรล่วงหน้า และการประเมินมูลค่าคลื่นความถี่ทั้งหมดที่จะถูกนำมาจัดสรรอย่างเหมาะสม ก่อนที่จะดำเนินการประมูลครั้งต่อไป
นายอติรุฒม์ โตทวีแสนสุข รองประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือTRUE กล่าวว่า อุตสาหกรรมโทรคมนาคม ปัจจุบันยังไม่ถึงจุดคุ้มทุนวงการโทรคมนาคมไม่เติบโตเหมือนในอดีตที่ผ่านมามูลค่าปรับลดลงไปกว่า 4 แสนลบ.เข้าใจว่ารัฐบาลต้องการขับเคลื่อนไปข้างหน้าการนำระบบ 5G มาใช้ เป็นภาระที่มีความกดดัน ส่งผลดีต่อประเทศ แต่ภาระตกมาอยู่ที่ผู้ให้บริการ บริษัท มีความกังวล มีความจำกัด มีระยะเวลาเป็นตัวกดดัน ซึ่งเราก็ต้องรายงานผู้ถือหุ้นต่อไป
ด้านนายเขมทัตต์ พลเดช กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานชมรมผู้ประกอบการโครงข่ายโทรทัศน์ระบบดิจิตอล กล่าวว่า อาจมีผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล 7-8 รายคืนใบอนุญาตโดยเฉพาะผู้รที่ถือใบอนุญาตมากเกินไป และเป็นบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ซึ่งต้องพิจารณาตัดส่วนธุรกิจที่ไม่ได้ทำกำไรหรือไม่ได้สร้างมูลค่าเพิ่มทิ้ง ซึ่งเบื้องต้นประเมินช่องทีวีดิจิตอลที่จะคืนใบอนุญาตนั้น เป็นช่องรายการเด็กเพราะไม่มีรายได้ ช่องข่าวหรือกลุ่มหนังสือพิมพ์เก่าที่ถือใบอนุญาต 2-3 และช่องทีวีทั่วไปแบบความคมชัดปกติ (เอสดี) บางช่อง รวม 7-8 ช่อง
“วันที่ 23 เม.ย.นี้ อสมท จะประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) และวันที่ 25 เม.ย.นี้ มีกำหนดการประชุมผู้ถือหุ้น ซึ่งบริษัทจะนำผลการศึกษาแนวทางการบริหารใบอนุญาต 2 ใบ และ 1 โครงข่ายนำเสนอบอร์ดพิจารณาต่อไป โดยจะพิจารณาปัจจัยด้านต้นทุนการเงิน 2 ช่อง บวกกับค่าคอนเทนต์อีก 9-10 ปีในกรณีที่ไม่คืนใบอนุญาต แต่หากบอร์ดมีมติคืนใบอนุญาตจะนำผลการศึกษาต้นทุนเสนอให้บอร์ดพิจารณาว่าจะลดลงเท่าไหร่ ขณะเดียวกันทางชมรมโครงข่ายทีวีดิจิตอลจะนัดประชุมประเมินมาตรการของกสทช. เพื่อกำหนดท่าทีอีกครั้งเร็วๆ นี้”นายเขมทัตต์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี