นายกวี ชูกิจเกษม รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวในประเด็น “สงครามการค้าระหว่างจีน กับสหรัฐฯ และการเกิดขั้วมหาอำนาจขั้วใหม่ที่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย รวมทั้งโอกาสและความเสี่ยงที่อุตสาหกรรมในประเทศต้องรับมือ” ว่า สงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯยังไม่มีแนวโน้มที่จะสิ้นสุดลงอาจจะไม่จบแค่ด้านการค้าระหว่างกันแต่อาจจะเกี่ยวพันไปถึงตลาดการเงินระหว่างกัน และบวกกับปัจจัยเศรษฐกิจโลกกำลังชะลอจึงมองว่าประเด็นสงครามการค้าจะกดดันตลาดหุ้นไปอีกระยะหนึ่ง
นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจโลกในระดับหนึ่ง ซึ่งจากสถานการณ์ดังกล่าวเป็นโอกาสทำให้ตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ (Emerging Markets) มีความน่าสนใจมากขึ้น โดยปัจจุบันมีสัดส่วนผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของตลาดหุ้นเกิดใหม่ถึงประมาณ 50% ของโลก ขณะที่มูลค่าตลาด (Market Cap) ของตลาดหุ้นเกิดใหม่มีสัดส่วนเพียงแค่ 15% ของขนาดตลาดหุ้นโลก
ทั้งนี้แม้ว่าผลกระทบจากสงครามการค้าฯจะไม่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยโดยตรงแต่ตลาดหุ้นไทยได้มีการตอบรับสัญญาณดังกล่าวผ่านปัจจัยต่างๆไปแล้วเช่น ปัจจัยสงครามการค้าที่กดดัน และตลาดหุ้นช่วงขาลง โดยสถานการณ์ดังกล่าวก็สอดคล้องกับทิศทางของตลาดหุ้นอื่นทั่วโลก ซึ่งคาดการณ์เรื่องสงครามการค้าจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลกไปอีก 2 ปีนี้ จากการที่สหรัฐฯต้องการฉุดและสกัดกั้นจีนในการก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำโลก
ขณะที่ในระยะยาวเชื่อว่าหลังจากสงครามการค้าจบลงจะเป็นการสร้างโอกาสให้กับการหาทุนให้กับตลาดทุนใหม่มากขึ้นในอนาคต ซึ่งโอกาสดังกล่าวจะอาศัยปัจจัยภายในประเทศอย่างการขับเคลื่อนมาตรการและนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เช่น การลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ โดยเฉพาะการลงทุนในโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) รวมถึงมาตรการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยต่างๆ ที่จะเข้ามาช่วยหนุนการบริโภคให้ฟื้นตัวขึ้น
พร้อมมองว่าตลาดหุ้นไทยยังมีความทนทานต่อภาวะตลาดหุ้นขาลงในช่วงนี้ เพราะปัจจุบันมีสัดส่วนนักลงทุนต่างชาติที่ถือครองหุ้นไทยอยู่จำนวนไม่มากแล้ว และมีความแข็งแกร่งของเสถียรภาพทางการเงินจึงส่งผลทำให้ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากสงครามการค้าส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยไม่มากนัก
นายกวีมองว่า ในระยะเวลาอีก 5 ปีจากนี้ ตลาดหุ้นไทยจะมีโอกาสที่จะทำสถิติสูงสุด (New High) รอบใหม่จากที่เคยทำไว้ในอดีตที่ 1,850 จุดได้ เนื่องจากปัจจัยสงครามการค้านั้นมองว่าจะส่งผลกดดันต่อตลาดหุ้นไทยในระยะสั้นเท่านั้น รวมถึงมองว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยในรอบนี้จะมีจุดต่ำสุดอยู่ที่ 1,500 จุด ที่ P/E ระดับ 13.2 เท่าที่มีโอกาสที่จะปรับตัวลดลงมาที่ไม่เกินระดับดังกล่าวในช่วงไตรมาส 2 หรือไตรมาส 3 ของปีนี้ ตรงกับช่วงที่จีนจะใช้นโยบายตอบโต้กลับสหรัฐฯ หลังประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนเป็น 25% จากเดิม 10%
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี