นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการ สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน(องค์การมหาชน) หรือ สบพน. เปิดเผยว่า พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงพ.ศ.2562 ที่ประกาศราชกิจจานุเบกษาเมื่อ 27 พฤษภาคม 2562 จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 24 กันยายน 2562 ดังนั้นก่อนที่จะมีการเปลี่ยนผ่านการดำเนินงานภายใต้พ.ร.บ.ดังกล่าวจะต้องให้ รมว.พลังงานคนใหม่ ยื่นเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี(ครม.)เพื่อออกพระราชกฤษฎีกายุบ สบพน.เพื่อให้สอดรับกับพ.ร.บ.กองทุนน้ำมันฯ ขณะเดียวกันก็จะมีการตั้ง สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ขึ้นมาทำหน้าที่แทน
สำหรับ พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่รอบังคับใช้ ได้กำหนดวงเงินที่เก็บจากผู้ใช้น้ำมันสุทธิไม่เกิน 40,000 ล้านบาท สามารถกู้ได้ไม่เกิน 20,000 ล้านบาท หากเกินจากนั้นจะต้องเสนอครม. และออกพระราชกฤษฎีกา และการใช้เงินจะต้องนำมารักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันเชื้อเพลิง(รวมก๊าซปิโตรเลียมเหลว ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์(NGV) ในประเทศให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมกรณีวิกฤตการณ์ด้านน้ำมัน
นายวีระพลกล่าวว่า ที่ผ่านมาได้ว่าจ้างให้ สถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยดำเนินการศึกษา 3 ด้าน คือ 1. แผนรองรับวิกฤติราคาน้ำมัน 2. ยุทธศาสตร์การบริหารกองทุนน้ำมันฯ และ 3. แผนลดการชดเชยน้ำมันจากเชื้อเพลิงชีวภาพที่ภายใต้พ.ร.บ.ดังกล่าวกำหนดให้เลิกการชดเชยในระยะเวลา 3 ปีหลังกม.มีผลบังคับใช้และหากจะต่อให้ต่อได้อีก 2 ครั้ง ครั้งละ 2 ปี
“เรื่องแผนรองรับวิกฤติน้ำมันที่ สถาบันปิโตรเลียมเองก็คงจะชัดเจนว่าวิกฤติน้ำมันนั้นอยู่ระดับใด ซึ่งนิยามวิกฤติน้ำมันเบื้องต้นคือราคาน้ำมันที่ขึ้นอย่างรวดเร็วจนกระทบเศรษฐกิจ ซึ่งพ.ร.บ.น้ำมันฯออกมาเพื่อทำให้มีความชัดเจนจากเดิมที่อาศัยคำสั่งนายกรัฐมนตรีดำเนินการ “นายวีระพลกล่าว
สำหรับแผนการดำเนินงานโดยเฉพาะการปรับโครงสร้างการทำงานจะเสนอให้กับคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่จะมีทั้งหมด 15 คน โดยมีกรรมการ 11 คน มาโดยตำแหน่ง และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่จะมาจากสรรหา 4 ตำแหน่ง โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นประธาน ดังนั้นเมื่อกฎหมายบังคับ คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.)ที่เดิมจะต้องพิจารณานโยบายน้ำมันเชื้อเพลิงก็จะตัดหน้าที่นี้ออกไปและไปดูเรื่องไฟฟ้าเป็นหลักแทน
ส่วนการยกเลิกอุดหนุนราคาเชื้อเพลิงชีวภาพทั้งเอทานอล และไบโอดีเซลภายใต้พ.ร.บ.น้ำมันฯขึ้นอยู่กับแนวทางดำเนินงานของรัฐบาลใหม่ว่าจะมีการอุดหนุนอย่างไร รวมถึงว่าจะมีการร่างพ.ร.บ.พลังงานทดแทนขึ้นมาดูแลโดยเฉพาะหรือไม่ เช่นเดียวกับราคา NGV ที่ขณะนี้ได้ลอยตัวราคาแล้วแต่บมจ.ปตท.ยังคงดูแลส่วนของการอุดหนุนให้กับรถสาธารณะซึ่งจุดนี้จะทำให้กองทุนน้ำมันฯมาดูแลแทนหรือไม่ก็อยู่ที่ระดับนโยบายเช่นกัน
นายวีระพลกล่าวว่า ปัจจุบันฐานะกองทุนน้ำมันฯอยู่ที่ 41,435 ล้านบาท แต่บัญชีก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี)ติดลบ 6,609 ล้านบาททำให้ฐานะกองทุนสุทธิอยู่ที่ 34,826 ล้านบาท โดยมีเงินไหลเข้ากองทุนน้ำมันเฉลี่ย 1,371 ล้านบาทต่อเดือน โดยแนวโน้มราคาแอลพีจีตลาดโลกขณะนี้ลดลงต่อเนื่องทำให้กองทุนน้ำมันฯชดเชยอยู่ 0.32 บาท ต่อลิตร หรือมีเงินไหลเข้าเดือนละ 29 ล้านบาท ในระยะสั้นจึงไม่น่าจะเกินวงเงินติดลบ 7,000 ล้านบาท ที่กบง.กำหนดไว้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี