นายทิตนันท์ มัลลิกะมาศ เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) แถลงผลประชุมกนง.วันที่ 26 มิถุนายน 2562 ว่า คณะกรรมการมีมติเอกฉันท์ ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.75% โดยประเมินว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้ จากการส่งออกสินค้าและบริการ และมีปัจจัยเสี่ยงต่อเสถียรภาพระบบการเงินที่ต้องติดตามต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังปรับประมาณการเติบโตของเศรษฐกิจ หรือจีดีพี ปีนี้ลงเหลือ 3.3% จากเดิม 3.8% บนพื้นฐานการส่งออกไม่มีการเติบโต หรือโต 0%
ด้านนางสาวณัฐพร ตรีรัตน์ศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้จะชะลอตัวลงกว่าที่คาดการณ์ไว้ เพราะปัญหาสงครามการค้ามีความยืดเยื้อที่ส่งผลกระทบกับอัตราการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจ หรือจีดีพีถึง 0.6% หรือ 3,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงเงินบาทที่แข็งค่าต่อเนื่อง ทำให้การส่งออกของไทยปีนี้จะไม่ขยายตัวจากประมาณการเดิมที่คาดจะขยายตัวได้ 3.2% กดดันเศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวได้เพียง 2.9-3.3% หรือค่ากลางที่ 3.1% ลดลงจากประมาณการเดิมที่อยู่ที่ 3.7% ขณะที่ปี 2563 ยอมรับว่าเศรษฐกิจจะได้รับผลกระทบจากปัญหาสงครามการค้าอยู่ ซึ่งจะได้รับผลกระทบมากกว่า 0.6% ของจีดีพีแน่
อย่างไรก็ตาม คาดว่าเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังจะปรับตัวดีกว่าครึ่งปีแรก ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ ที่คาดว่าจะผลักดันนโยบายที่สอดคล้องกับที่พรรคร่วมรัฐบาลเคยหาเสียงไว้ช่วงก่อนการเลือกตั้ง อาทิ นโยบายประชารัฐ การประกันรายได้พืชผลเกษตร รวมถึงนโยบายเร่งด่วนเพื่อเยียวยาผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกด้วย ซึ่งจะเป็นแรงกระตุ้นชดเชยผลกระทบจากความล่าช้าของงบประมาณประจำปี 2563 ได้
ขณะที่นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์เอเซียพลัส ได้ทำการปรับลดอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยลงเช่นเดียวกันจากเดิมคาดว่าโต 3.4% เหลือโต 2.7% เนื่องจากการส่งออกชะลอตัวผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนที่ยืดเยื้อ ส่งผลให้การส่งออกปีนี้หดตัว 3% จากเดิมคาดว่าขยายตัวเพียง 0.5% ทำให้การขับเคลื่อนเศรษฐกิจมาจากการบริโภคครัวเรือนที่ยังได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้ง แต่ยังมีข้อกังวลเรื่องเสถียรภาพรัฐบาลที่มีคะแนนเสียงสนับสนุนไม่เด็ดขาด ประกอบกับการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีล่าช้าจะกระทบต่อการพิจารณางบประมาณรายจ่ายปี 2563 ล่าช้าประมาณ 3 เดือน กระทบลงทุนหายไป 70,000-80,000 ล้านบาท และอาจมีผลต่อเนื่องถึงการเติบโตของเศรษฐกิจไทย ดังนั้น คาดว่ารัฐบาลชุดใหม่จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและโครงการมารดาประชารัฐ เพื่อกระตุ้นการบริโภคประชาชน
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีแรกนี้มีการชะลอตัวลง จากสาเหตุของการเมืองภายในประเทศที่เป็นช่วงการเลือกตั้งทั่วประเทศและยังไม่มีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ จึงทำให้ไม่สามารถออกนโยบายได้ แต่เชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลัง เมื่อมีรัฐบาลใหม่ชัดเจน การบริหารประเทศและขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ตลอดจนการลงทุนก็จะเริ่มมีมากขึ้น และเศรษฐกิจก็จะเข้าสู่ภาวะปกติ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี