นางอัมพวัน วรรณโก อธิบดีกรมท่าอากาศยาน(ทย.) กระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการท่าอากาศยานเบตง วงเงิน 2,000 ล้านบาท ว่า ขณะนี้การก่อสร้างมีความคืบหน้าในภาพรวมแล้วประมาณ 85% โดยคาดว่างานอาคารผู้โดยสารและรันเวย์จะแล้วเสร็จในปี 2562 นี้ ก่อนดำเนินการทดสอบระบบและเปิดให้บริการในเดือนมิถุนายน 2563 เพื่อรองรับเครื่องบินใบพัดรุ่น ATR จำนวน 60-80 ที่นั่ง

ทั้งนี้ประกอบด้วย งานก่อสร้างทางวิ่ง (Runway) ขนาดความยาว 1,800 เมตร และทางขับ(Taxi Way) รวมถึงอาคารผู้โดยสาร ขนาด 7,000 ตารางเมตร รองรับผู้โดยสารได้ 300 คนต่อชั่วโมง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างพัฒนาหอบังคับการบินและศูนย์ฝึกบุคลากรการบิน ส่วนด้านกรมอุตุนิยมวิทยา (อต.) ได้ติดตั้งระบบอุปกรณ์ที่สามารถรายงานสภาพอากาศได้แบบอัตโนมัติ (AWOS ) เสร็จเรียบร้อยแล้ว

นางอัมพวันกล่าวว่า มีสายการบินที่ให้สนใจเปิดบิน ได้แก่ สายการบินนกแอร์ เส้นทางบินตรง ดอนเมือง-เบตง,สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส (BA) ซึ่งมีเครื่องบินใบพัด พร้อมแสดงความสนใจเปิดเส้นทางบินมายังสนามบินเบตง รวมถึงสายการบินต่างชาติ ที่สนใจเปิดเส้นทางบินข้ามประเทศ เช่น สายการบิน Firefly ของประเทศมาเลเซีย ซึ่ง ทย.มีแผนทำการตลาดในประเทศเพิ่มศักยภาพ เพื่อดึงสายการบินเข้ามาเปิดเส้นทางบินที่สนามบินเบตง เช่น ประเทศมาเลเซีย และประเทศสิงคโปร์

อย่างไรก็ตาม การให้บริการเดินอากาศ (Air Nevigation Service) ณ ท่าอากาศยานเบตง เป็นการให้บริการแบบ sunrise sunset (เปิด 06.00-18.00 น.) และ non-instrument (การทำการบินโดยไม่ต้องใช้เครื่องช่วยการเดินอากาศ) โดยผ่านการขออนุญาตจาก สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) แล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตัวเลขการค้าชายแดนด่านเบตงมีเฉลี่ยถึงปีละ 3,000 ล้านบาท จึงคาดว่าหากสนามบินเปิดใช้งาน จะส่งผลให้มูลค่าดุลการค้าดังกล่าวเพิ่มขึ้นเกือบ 20% หรือประมาณ 3,600 ล้านบาทต่อปี หลังการเปิดใช้สนามบินจะทำให้เกิดการพัฒนาและกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดยะลา โดยเฉพาะการขนส่งด้านโลจิสติกส์และนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 1 ล้านคนต่อปี ช่วยเพิ่ม GDP ของจังหวัด 10% จากปัจจุบันมีรายได้ 47,000 ล้านบาทต่อปี รองรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่จะเพิ่มขึ้นจากปีละ 600,000 คน เป็น 1 ล้านคน คิดเป็นอัตราการเติบโต 66% และมีรายได้จากการท่องเที่ยวมากกว่า 4,000 ล้านบาทต่อปี