18 ส.ค.2562 นายไซม่อน ลี ประธานกรรมการ บริษัท แองเจิล เรียลเอสเตท คอนซัลแทนซี่ จำกัด หรือ ARE บริษัทที่ปรึกษาด้านการตลาดและซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย โดยเฉพาะโควตาต่างประเทศ (Foreign Quota ) มียอดขายลูกค้าต่างชาติที่ผ่านการทำธุรกรรมกับบริษัทกว่า 20,000-30,000 ล้านบาท เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ช่วงครึ่งแรกของปี 2562 ว่า สภาพตลาดอยู่ในภาวะทรงตัว โดยมีปัจจัยกระทบจากภาวะเศรษฐกิจของไทยที่มีความผันผวน รวมถึงมาตรการควบคุมสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ (LTV) ที่ได้ประกาศใช้อย่างเป็นทางการ ส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคมีแนวโน้มชะลอตัวลง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าระดับราคา 3 ล้านบาทที่ได้รับผลกระทบโดยตรง โดยมียอดปฏิเสธสินเชื่อมากกว่า 70% ขณะที่ระดับราคา 5 ล้านบาท มีประมาณ 50% ส่วนระดับราคามากกว่า 10 ล้านบาทไม่ได้รับผลกระทบมากนัก
ไซม่อน ลี ประธานกรรมการ บริษัท แองเจิล เรียลเอสเตท คอนซัลแทนซี่
“เรามองว่าสินค้าระดับ 3-5 ล้านบาทได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ทำให้ยอดขายของบริษัทอสังหาฯ ไม่ได้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ ส่งผลให้สต๊อกคงค้างมากกว่า 100,000 ยูนิต โดยเฉพาะในบางทำเล เช่น รถไฟฟ้าสายสีม่วง ส่วนสินค้าแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวโซนสุขุมวิท ปัจจุบันมีจำนวนซัพพลายเป็นจำนวนมาก และเป็นสินค้าที่มีราคาค่อนข้างสูง เนื่องจากปัจจัยราคาที่ดินที่ปรับตัวค่อนข้างมาก ส่งผลสะท้อนไปยังราคาที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะตลาดคอนโดมิเนียมที่ overpriced ถึง 20-30 เปอร์เซ็นต์ ”
สำหรับตลาดลูกค้าที่เข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยนั้น ช่วงที่ผ่านมา ตลาดกลุ่มผู้ซื้อชาวจีนเติบโตอย่างมาก แต่ปัจจุบันตลาดเริ่มชะลอตัวลง เนื่องจากเจอผลกระทบจากสงครามการค้า เงินบาทแข็งค่าถึง 25% เงินหยวนอ่อน รวมถึงเหตุการณ์ประท้วงบนเกาะฮ่องกง และปัจจัยภายในเรื่องของสินค้าคอนโดฯที่เกิดภาวะล้นตลาด การตั้งราคาแพงเกินไป ทำให้ส่วนต่างราคาอสังหาริมทรัพย์ได้ไม่ถึง 20% ผลกำไรจากการเช่า หรือ ยิลด์ ก่อนหักภาษี 3-4% เท่านั้น ทำให้นักลงทุนทั้งชาวจีน และต่างชาติที่สนใจลงทุนในประเทศไทย ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา หดตัวลงอย่างชัดเจน
ในส่วนของแนวโน้มดอกเบี้ยของไทยนั้น หลังจากที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% คาดว่า เศรษฐกิจไทยจะมีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้ ขณะเดียวกันนโยบายทางการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น ยังทำให้ธนาคารพาณิชย์จะต้องลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง 0.25% อย่างไรก็ตาม บริษัทมองว่ามาตรการLTV และเกณฑ์ที่ให้ธนาคารฯพิจารณาเรื่องอัตราส่วนหนี้สินต่อรายได้ (DSR) ทำให้คนไทยไม่สามารถซื้อที่อยู่อาศัยได้ ส่วนการลดดอกเบี้ยเชื่อว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ทั้งนี้ หากไม่มีมาตรการที่สามารถแก้ไขปัญหาได้จริง คาดว่าประเทศไทยอาจต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 ปี ในการฟื้นฟูธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
ด้านแผนธุรกิจของบริษัทฯ ขณะนี้ให้น้ำหนักไปยังตลาดอสังหาฯในประเทศญี่ปุ่น กัมพูชา และ ตุรกี ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่มีความน่าลงทุน ซึ่งในประเทศ ญี่ปุ่น บริษัทได้เข้าไปซื้ออสังหาฯ ประเภทบ้านเดี่ยว บริเวณสถานีรถไฟเจอาร์ไลน์ จำนวน 10 หลัง ราคา 5-8 ล้านบาท ปัจจุบันได้ปล่อยเช่าให้กับAirbnb ในราคา 10,000-13,000 เยนต่อคืน ซึ่งลูกค้าที่มาเช่าจะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยว และโครงการคอนโดฯในเมืองโอซาก้า จำนวน 4 ตึกๆ 50 ยูนิต มูลค่าอาคารละ 400-500 ล้านบาท ขนาดพื้นที่ 28 ตารางเมตร เสนอขายลูกค้าที่สนใจราคาประมาณ 8-9 ล้านบาท
"ปัจจุบัน รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังใช้การท่องเที่ยวขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในประเทศ ขณะที่ราคาอสังหาฯในญี่ปุ่นเริ่มปรับขึ้น หลังจากชะลอมา 2 ปี ทำให้น่าจะสร้างยิลด์ได้ระดับ 6-8 เปอร์เซ็นต์ "
อย่างไรก็ตามในปีนี้ 2562 บริษัทตั้งเป้ามีการขายคอนโดมิเนียมอยู่ที่ 1,500 ยูนิตราคาเฉลี่ย 3 ล้านบาท เปรียบเทียบกับปี 2562 ที่มีการขายคอนโดมิเนียมจำนวน 3,200 ยูนิต ราคายูนิตเฉลี่ย 4 ล้านบาท สำหรับในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมาบริษัทมียอดการขายคอนโดมิเนียมแล้วรวมกว่า 1,000 ยูนิต.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี