เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2562 บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับสถาบันการเงินทั้ง 18 แห่ง ในโครงการค้ำประกันสินเชื่อ PortfolioGuarantee Scheme ระยะที่ 8 (PGS8) วงเงินค้ำประกันสินเชื่อ 150,000 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการ SMEs ทุกกลุ่มเข้าถึงสินเชื่อได้คล่องตัวขึ้น ลดการพึ่งพาเงินนอกระบบ
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า เพื่อสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจสอดคล้องกับนโยบายสำคัญของรัฐบาล คือ การสร้างเอสเอ็มอีให้เป็นกลไกหลักในการพัฒนาระบบเศรษฐกิจส่งเสริมให้เอสเอ็มอีเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน สนับสนุนให้ชุมชนฐานรากเข้มแข็ง โดยรัฐบาลส่งเสริมและกระตุ้นให้มีการสร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่และเชื่อมโยงเครือข่ายผู้ประกอบการไปพร้อมๆ กัน การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้ จึงเป็นโครงการสำคัญภายใต้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่สนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทั่วประเทศ ให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน เพื่อรักษาสภาพคล่อง รวมถึงการลงทุนในอนาคตด้วย
นายบรรยง วิเศษมงคลชัย ประธานกรรมการ บสย. กล่าวว่า โครงการนี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการ SMEs ทุกกลุ่มเข้าถึงสินเชื่อได้คล่องตัวขึ้น ลดการพึ่งพาเงินนอกระบบ การที่บสย.ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับสถาบันการเงินทั้ง 18 แห่งในครั้งนี้จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับสถาบันการเงินในการอนุมัติสินเชื่อมากขึ้น
นายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บสย. กล่าวว่าตลอดระยะเวลา 28 ปีบสย.ให้ความช่วยเหลือเอสเอ็มอีไปแล้วกว่า 500,000 ราย คิดเป็นเม็ดเงินกว่า 800,000 ล้านบาทสำหรับ PGS8 มั่นใจว่าจะช่วยเอสเอ็มอีครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย เนื่องจากมีจุดเด่นหลายประการ อาทิ ฟรีค่าธรรมเนียม 2 ปี วงเงินค้ำประกันต่อรายที่สูงขึ้น ไม่เกิน 100 ล้านบาท รวมทุกสถาบันการเงิน (เดิม 40 ล้านบาท) คาดว่าจะช่วยเอสเอ็มอีให้ได้รับสินเชื่อไม่ต่ำกว่า 43,000 ราย ก่อให้เกิดสินเชื่อในระบบสถาบันการเงินไม่ต่ำกว่า 225,000 ล้านบาท และก่อเกิดผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ 687,000 ล้านบาท
ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ประกอบการเอสเอ็มอี5.2 ล้านราย แต่ที่เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้จริงๆ เพียง 10% หรือ 1.2 ล้านรายเท่านั้น ที่เหลืออีกกว่า 4 ล้านราย หากช่วยให้เอสเอ็มอีกลุ่มนี้เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้จะส่งผลดีและช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ
สำหรับสถาบันการเงิน 18 แห่ง ที่ร่วมลงนามครั้งนี้ ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารออมสิน, ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.), ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.), ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย, ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารธนชาต, ธนาคารทหารไทย, ธนาคารไทยพาณิชย์, ธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อย, ธนาคารทิสโก้, ธนาคารยูโอบี, ธนาคารเกียรตินาคิน, ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย และธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์
ทั้งนี้ สถาบันการเงินจะเป็นผู้ให้สินเชื่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ไม่มีหลักประกัน หรือหลักประกันไม่เพียงพอ และ บสย.จะให้การค้ำประกันสินเชื่อนั้น ทั้งนี้ ผลจากการเปิดตัวโครงการครั้งนี้มั่นใจว่าจะช่วยผลักดันยอดค้ำประกันปี 2562ให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 1 แสนล้านบาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี