ศูนย์สารนิเทศสรรพากร รายงานว่าในการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2562 ที่ผ่านมา ครม.มีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่..) พ.ศ. .... (มาตรการขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม)ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้ยังคงจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT)ในอัตราร้อยละ 7 (รวมภาษีท้องถิ่น) สำหรับการขายสินค้า การให้บริการ หรือการนำเข้าทุกกรณีที่เข้าลักษณะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ทั้งนี้ สำหรับรายการที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2562 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2563สำหรับการเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่..) พ.ศ. .... โดยให้ยังคงจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7 ต่อไปอีก 1 ปีนั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพของประชาชน และสร้างความเชื่อมั่นในการประกอบธุรกิจ ให้กับภาคเอกชน อันจะทำให้ระบบเศรษฐกิจมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเพื่อสนับสนุนเสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง กล่าวว่าได้รับรายงานจาก กรมสรรพากร แจ้งว่าณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2562 รายได้จากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 4.4 ซึ่งเป็นสัญญาณที่เห็นว่าการบริโภคในประเทศเริ่มกลับมาแล้ว หลังจากช่วงก่อนหน้านี้ยอดการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มปรับลดลง สาเหตุสำคัญมาจาก 2 ส่วน คือ มูลค่าการนำเข้าที่ลดลงจากเงินบาทแข็งค่า และอีกส่วนมาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจในประเทศ
“รัฐบาลพยายามจะทำให้เศรษฐกิจในประเทศมีการหมุนเวียน และเดินหน้าต่อไปได้ จึงได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาแต่ทุกภาคส่วนก็ต้องช่วยกันสร้างความมั่นใจด้วย” รมว.คลังกล่าว
นอกจากนี้ ที่ประชุม ครม.ยังอนุมัติมาตรการกระตุ้นการลงทุนตามที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เสนอ และผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
มีรายงานแจ้งว่า แพ็กเกจเร่งรัดการลงทุน และรองรับการย้ายฐานการผลิตสืบเนื่องจากกระทบของสงครามการค้าหรือ Thailand Plus Package 7 ด้าน ของบีโอไอ อาทิ ด้านสิทธิประโยชน์ ให้บีโอไอกำหนดมาตรการสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมเพื่อเร่งรัดการลงทุน โดยลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลร้อยละ 50 เป็นเวลา 5 ปี เพิ่มเติมจากเกณฑ์ปกติ สำหรับโครงการที่มีเงินลงทุนจริงอย่างน้อย 1,000 ล้านบาท ภายในปี 2564 โดยต้องยื่นขอรับการส่งเสริมภายในปี 2563
ด้านการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินการของหน่วยงาน ให้จัดตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อน และประสานงานการลงทุน ในลักษณะ One Stop Serviceโดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่ออำนวยความสะดวกและช่วยแก้ไขปัญหาและอุปสรรคแก่นักลงทุนและด้านอื่นๆ และให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เตรียมจัดหาและพัฒนาพื้นที่ที่เหมาะสม เพื่อรองรับการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติแต่ละประเทศเป็นการเฉพาะ เช่น เกาหลีใต้ จีน ไต้หวัน เป็นต้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี