ผศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจเพื่อการปฏิรูป สถาบันเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยว่า จากการรวบรวมข้อมูล ตัวเลขและการคาดการณ์จากสำนักวิจัยชั้นนำของโลกหลายแห่งโดยสรุป พบว่า ผลกระทบสงครามทางการค้าจีนกับสหรัฐฯ ประกอบกับความเสี่ยงจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับอียูจะมีแรงกดดันต่อภาคส่งออกและภาคการผลิตของไทยเพิ่มเติม
ดังนั้นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ “ชิมช้อปใช้”เฟสสองและมาตรการต่างๆ ของรัฐบาลขณะนี้ไม่เพียงพอต่อการรับมือการชะลอตัวและถดถอยของเศรษฐกิจโลกอย่างแน่นอน ขณะที่งบประมาณปี 2563 ก็ยังไม่ผ่านสภาต้องเพิ่มการขาดดุลงบประมาณเพื่อการลงทุนและสร้างงานปรับโครงสร้างภาคการผลิตยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันจัดสรรงบประมาณและทรัพยากรใหม่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและตอบโจทย์อนาคตสังคมไทยควรทำงบประมาณขาดดุลเพิ่มเติมจากยอดขาดดุลอีกอย่างน้อย 30-50% หรือปรับลดงบประมาณจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการลงทุนโดยโยกงบประมาณจัดซื้ออาวุธมาใช้ในการลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างการจ้างงานใหม่ๆ และดูแลความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจของประชาชนแทน ขณะเดียวกันต้องเร่งสร้างนิติรัฐนิติธรรมเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นต่อการลงทุนในประเทศและความมั่นใจต่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจขนาดใหญ่ในไทย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี