นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีพีไอ โพลีนจำกัด(มหาชน) กล่าวเปิดงานสัมมนา ส่องหุ้น ปีหน้าจะ 1800 หรือ 1400 ว่า ในปัจจุบันต้องยอมรับว่าการลงทุนในตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนมากขึ้น และในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาก็ไม่ได้เป็นปีที่ดีนัก สำหรับนักลงทุนไทย โดยเฉพาะนักลงทุนรายบุคคล หรือ เป็นที่รู้กันก็คือนักลงทุนรายย่อยส่วนหนึ่งอาจจะเพราะการเข้ามามีบทบาทมากขึ้นของนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศและการเกิดภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวซึ่งสืบเนื่องมาจากสงครามการค้าระหว่าง สหรัฐอเมริกากับ จีนดังนั้น การเพิ่มเติมข้อมูลเพื่อการลงทุนจึงมีความสำคัญมาก
ทั้งนี้บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน)เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้เล็งเห็นความสำคัญด้านนี้และเห็นควรจะต้องเพิ่มพูนความรู้ให้กับนักลงทุนจึงสนับสนุนงานสัมมนานี้ขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมความรู้ให้กับนักลงทุนและให้นักลงทุนรายย่อย เพื่อให้อยู่คู่การลงทุนในตลาดหุ้นไทยต่อไป
นายสมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐกิจและการเมือง กล่าวว่า ปีนี้เศรษฐกิจไทยต่ำสุดในรอบหลายปี โดยคาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี)ปีนี้อยู่ที่ 2.5-2.8% ส่วนดัชนีหุ้นไทย (SET INDEX) คาดว่าจะอยู่ในช่วง 1,550 -1,750 จุด แต่เชื่อว่าปีหน้าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มดีขึ้นโดยคาดว่าผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะลดลงเนื่องจากทั้งสองประเทศจะอยู่ในช่วงเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งใหม่ รวมทั้งจะมีการลงทุนจริงในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) ซึ่งจะเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจของไทยได้เป็นอย่างดี
นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจทันสมัย พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ปัจจัยที่สำคัญที่จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยหลังจากนี้อาทิ ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรือ RCEP หลังกลุ่มอาเซียนและประเทศคู่เจรจาทั้งหมดมีท่าทีบรรลุข้อตกลงในเกือบทุกข้อบทแล้ว โดยคาดว่าการลงนามในข้อตกลง RCEP อย่างเป็นทางการอาจมีขึ้นในปีหน้า ซึ่งจะส่งผลดีกับอุตสาหกรรมไทยใน 2-3 ปีข้างหน้า เนื่องจากเป็นข้อตกลงการค้าเสรีที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงที่สุดในโลก รวมทั้งการลงทุนพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี)ที่จะเริ่มมีการลงทุนจริงในปีหน้าเนื่องจากการประมูลโครงการต่างๆของรัฐเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น ส่วนกรณีที่สหรัฐฯประกาศจะตัดสิทธิประโยชน์ทางภาษีศุลกากรทางการค้า(GSP)กับไทยอาจจะมีผลกระทบไม่มาก โดยคาดว่าภาครัฐจะเร่งเจรจากับสหรัฐฯก่อนถึงเงื่อนเวลาตัดสิทธิได้
นายประเสริฐ อิทธิเมฆินทร์ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายบัญชีและการเงิน บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า การนำเชื้อเพลิงที่ผลิตจากขยะชุมชน หรือ RDF มาใช้ในกระบวนผลิตไฟฟ้า และในโรงผลิตปูนซีเมนต์เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับขยะและยังเป็นการช่วยลดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม และยังเป็นการลดต้นทุนการนำเข้าเชื้อเพลิงด้วย โดยบริษัทมีแผนลงทุนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะมีผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) ไม่ต่ำกว่า 10% เนื่องจากบริษัทมีความพร้อมในทุกด้าน
นายภัคพล เลี่ยวไพรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบัญชีและการเงิน บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า พลังงานทางเลือก ในประเทศไทยมีแนวโน้มที่ดีขึ้น เนื่องจากภาครัฐให้การสนับสนุนโครงการโรงไฟฟ้าขยะเป็นลำดับแรกๆ โดยร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย หรือ PDP ฉบับใหม่ มีนโยบายเพิ่มการสนับสนุนโรงไฟฟ้าขยะมากขึ้นจากเดิม ซึ่งสอดคล้องกับ แผนธุรกิจของบริษัท ที่จะมุ่งเน้นลงทุนในโรงไฟฟ้าขยะ เนื่องจากบริษัทมีความพร้อมในการลงทุน ทั้งด้านการเงิน บุคลากรและเทคโนโลยี ซึ่งหากมีโอกาสบริษัทจะมีการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มเติม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี