"สมคิด"ดอดพบ"ดีอีเอส"รับฟังผลการดำเนินงานและโครงการสำคัญสอดรับนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล พร้อมย้ำพัฒนากำลังคนด้านดิจิทัลรับEEC ตามแผนโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลเพื่อรองรับเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(ปี2561-2565)
เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 20 พฤศจิกายน 2562 ณ ห้อง MDES ชั้น 9 กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ เป็นประธานการตรวจเยี่ยมและรับฟังนโยบายด้านเศรษฐกิจการปฏิบัติราชการของรัฐบาล และกระทรวงดิจิทัลฯ โดยมี นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) , น.ส.อัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ปลัดกระทรวงดีอีเอส พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงดีอีเอส หัวหน้าหน่วยงานในสังกัด ให้การต้อนรับและรับฟังแนวนโยบาย
โดย นายสมคิด เปิดเผยว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2562 และมอบนโยบายต่อผู้บริหารระดับสูง เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ที่ผ่านมา ได้กำหนดเป้าหมายที่จะพัฒนาประเทศไทยให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน และเป็นประเทศพัฒนาแล้ว โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ขณะเดียวกัน นโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลที่สอดคล้องกับการดำเนินของกระทรวง ดิจิทัลฯ ประกอบด้วย 4 ข้อ ได้แก่ 1.ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลช่วยเพิ่มรายได้ประชาชน โดยเฉพาะเกษตรกร คนในพื้นที่ห่างไกล มีการนำ e-Commerce เข้ามาสนับสนุน
2.วางโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลที่ทันสมัย ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ และเร่งการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี ดิจิทัล เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการ ให้บริการสาธารณสุขและการศึกษาทางไกลกับประชาชน 3.เตรียมคนไทยให้พร้อมสู่ศตวรรษที่ 21 สร้างแพลตฟอร์มการเรียนรู้ในระบบดิจิทัล ส่งเสริมการเรียนรู้ ภาษาคอมพิวเตอร์ (Coding) สร้างความรู้ความเข้าใจการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล รู้เท่าทันภัยออนไลน์ และ 4.พัฒนาเศรษฐกิจและนวัตกรรมดิจิทัล รวมทั้งดึงดูดการลงทุนด้านดิจิทัลโดยเฉพาะในพื้นที่เขตเศรษฐกิจ พิเศษภาคตะวันออก (EEC) และเร่งส่งเสริมการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ
นายสมคิด ยังได้เน้นย้ำถึงนโยบายซึ่งอยากให้กระทรวงดีอีเอสให้ความสำคัญเป็นพิเศษในการพัฒนาประเทศไทยให้เจริญเติบโตภายใต้รัฐบาลใหม่ในระบบรัฐสภานั้น ภารกิจด้านเศรษฐกิจทั้งภายใน และ ระหว่างประเทศเป็นหัวใจสำคัญในการก้าวไปสู่การเจริญเติบโตที่ยั่งยืน โดยเฉพาะการบริหารจัดการระบบเศรษฐกิจที่ กำลังเผชิญกับความท้าทายที่หลากหลาย ทั้งภายในและภายนอกประเทศ ผมมองว่าประเทศไทยกำหนดอนาคตทาง เศรษฐกิจ ทั้งเชิงรุก และเชิงรับที่สามารถฝ่าฟันความเสี่ยง และสร้างโอกาส ให้แก่ประชาชนโดยส่วนรวม ให้เกิด ประสิทธิผลอย่างเต็มที่
ทั้งนี้ ขอให้มุ่งการพัฒนากาลังคนดิจิทัลรองรับ EEC ขอให้เร่งรัดการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการ โครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลเพื่อรองรับเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) (ปี 2561-2565) ประกอบด้วย แผนงาน/โครงการที่สาคัญ จำนวน 8 แผนงาน โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1) กลุ่ม Digital Infrastructure ซึ่ง ประกอบด้วย 5 แผนงาน ได้แก่ แผนงานท่อ เสา สาย (smart-Pole) แผนงาน ASEAN Digital Hub แผนงาน Advanced Big Data, Cloud and Data Center แผนงาน Infra for IoT และแผนงาน 5G Test BED and Infra 2) กลุ่ม Digital Application & Innovation ประกอบด้วย 3 แผนงาน ได้แก่ แผนงาน Digital Park Thailand & IoT Institute แผนงาน IoT Smart City และแผนงาน Automated Postal Distribution Center ซึ่งแผนดังกล่าวมี ระยะเวลาดำเนินการ 5 ปี (2561 - 2565)
นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า กระทรวง ดีอีเอส มีความตั้งใจและเตรียมพร้อมในการทำงานตามนโยบายของ รัฐบาลด้านเศรษฐกิจ โดยได้มีการวางโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลที่ทันสมัยให้ครอบคลุมทั่วถึงทั้งประเทศ รวมถึงได้ วางโครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศ เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและนวัตกรรมดิจิทัล และเพื่อดึงดูดการลงทุนด้าน ดิจิทัล ตลอดจนได้เร่งรัดให้เกิดการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัล การใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ (Big-Data) เพื่อมุ่งสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล ช่วยเพิ่มรายได้และยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มฐานราก เกษตรกรผู้ มีรายได้น้อย คนด้อยโอกาสในพื้นที่ห่างไกล
นอกจากนี้ กระทรวงฯ ยังได้มีการบูรณาการความร่วมมือในการป้องกันและจัดการภัยจากการโจมตีทางไซเบอร์ที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ และตั้งใจดำเนินการตามภารกิจหน้าที่ ตามที่ได้กล่าวมา ยกตัวอย่าง เช่น โครงการเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศสู่การเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Digital Hub) ให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ประเทศไทยเป็นจุดเชื่อมโยงโครงข่ายอินเทอร์เน็ตอีกทั้งเมื่อรวมกับความต้องการใช้งานContentจากผู้ใช้บริการในประเทศไทย จะทำให้ความต้องการเข้าถึง Content ต่างๆ รวมสูงขึ้น ส่งผลให้ประเทศไทยมีความน่าสนใจในการลงทุนมีการต้ัง ฐานข้อมูลของ Content Provider สำคัญๆ อาทิ Facebook, Google ในประเทศไทยมากขึ้น ทำให้ประเทศไทย พัฒนาขีดความสามารถขึ้นเป็น ASEAN Digital Hub ที่สำคัญในภูมิภาค
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี